เปิดตัวให้สื่อในบ้านเราได้เล่นกันไปแล้วครับสำหรับ OPPO F11 Pro สมาร์ทโฟนรุ่นกลางที่มาพร้อมกับจุดเด่นกล้องหน้าเซลฟี่สไลด์ขึ้นที่เรียกว่า Rising Camera และแน่นอนว่า OPPO ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน เรียกได้ว่าครบเครื่องไม่แพ้รุ่นแพงๆ เลยครับ
OPPO F11 Pro
OPPO F11 Pro รุ่นใหม่ล่าสุดนี้เขามามาพร้อมสโลแกน “Portrait สวย แม้แสงน้อย” โดดเด่นด้วยฟีเจอร์เด็ด กล้องหลังคู่ความละเอียด 48+5 ล้านพิกเซล ที่สุดของภาพคมชัด มาพร้อมกล้องหน้า Rising Camera กล้องสไลด์ขึ้นลงอัตโนมัติ
แม้จะราคาหมื่นต้นๆ แต่มันก็มาพร้อมกับ ระบบชาร์จไวเวอร์ชั่นใหม่ VOOC 3.0 ที่ชาร์จไวขึ้นกว่าเดิม 20% สนุกได้มากกว่ากับหน้าจอ Panoramic Screen ดีไซน์ไร้ติ่ง กว้างขนาด 6.5 นิ้ว พร้อมดีไซน์ฝาหลังสุดหรู สวยด้วย 2 สี Aurora Green สีไล่เฉดฟ้า-เขียว และ Thunder Black สีไล่ระดับแดง ดำ น้ำเงินสุดคลาสสิค
ทำให้ฝาหลังมีความโดดเด่นสวยงาม ตัวเครื่องจับถนัดมือกำลังดี ฝาหลังออกแบบสวยงาม และคร่าวนี้เราจะเห็นว่าฝาด้านหลังจะเล่นสีให้เราได้เห็นถึง 3 สีด้วยกันทาง OPPO เรียกว่า Triple-color Gradient ไล่สีสวยงามจากแนวทแยง เคลือบผิวด้วย Nano Printing ทำให้มีผิวสัมผัสแบบเรียบไม่สะดุดมือ
ฟีเจอร์และสเปกของ OPPO F11 Pro
- มาพร้อมหน้าจอไร้ขอบขนาด 6.5 นิ้ว มาพร้อมจอ LTPS LCD, ความละเอียด 2340×1080 พิกเซล (Panoramic Screen) อัตราส่วน 19.5:9
- ขนาด 161.3 x 76.1 x 8.8 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 190 กรัม
- หน่วยประมวลผล : MediaTek Helio P70 Octa-core ความเร็ว 2.1 GHz
- หน่วยประมวลผลกราฟฟิก : Mali-G72
- หน่วยความจำแรม(RAM) : 6GB
- หน่วยความจำภายใน (ROM) : 64GB
- รองรับการทำงาน 2 ซิม (Dual SIM)
- การเชื่อมต่อ : 4G, WiFi 802.11 AC, Bluetooth 5.0 , GPS, A-GPS
- กล้องด้านหลัง 2 เลนส์ มีรายละเอียดดังนี้
- 48 ล้านพิกเซล, f/1.79 Auto Focus + LED Flash
- 5 ล้านพิกเซล, f/2.4, depth sensor
- กล้องด้านหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล, f/2.0
- รองรับการเชื่อมต่อแบบ : micro-USB
- แบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh, รองรับเทคโนโลยีการชาร์จเร็ว VOOC 3.0 เวอร์ชันล่าสุด
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือระบบความปลอดภัย : เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านหลังเครื่อง + การสแกนใบหน้า
- ระบบปฏิบัติการ : Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย ColorOS 6.0
- มาตรฐานกันน้ำ / กันฝุ่น : ไม่รองรับ
- สี: Thunder Black, Aurora Green
- ราคา: 10,990 บาท
อุปกรณ์ในกล่องทั้งหมดก็มีตามนี้เลยครับ
- ตัวเครื่อง OPPO F11 Pro
- สาย VOOC Charge 3.0 แต่เป็นหัวแบบ micro-USB
- หม้อแปลง VOOC Charge 3.0
- เคสใสสีดำ
- คู่มือการใช้งาน
- หูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
- เข็มจิ้มถาดซิม
- มีฟิล์มกันรอยที่ติดมาตั้งแต่เปิดกล่อง
ได้เวลาสัมผัสตัวจริง OPPO F11 Pro ที่เรียบหรู… คลาสสิค
เอาละครับร่ายมาเยอะแล้ว เรามาเข้าเรื่องของเรากันดีกว่า OPPO F11 Pro ยังคงมาพร้อมกับดีไซน์ที่มีความโดดเด่นสวยงาม พร้อมหน้าจอ Panoramic Screen ดีไซน์ไร้ติ่ง กว้างขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (อัตราส่วน 19.5:9) พร้อมดีไซน์ฝาหลังสุดหรู โดยมีตัวเครื่องอยู่ที่ 161.3 x 76.1 x 8.8 มิลลิเมตร, น้ำหนัก 190 กรัม
เหนือหน้าจอด้านบนจะมีช่องลำโพงเสียงสนทนาเป็นแถบที่ขอบแบบยาวอยู่ตรงกลาง ถ้าไม่สังเกตจะมองไม่เห็นเลยครับ เพราะมันซ่อนอยู่ได้อย่างแนบเนียนมากๆ และในรุ่นใหมมีการดีไซน์โดยการนำกล้องหน้าไปใส่ไว้ด้านบนตัวเครื่องเรียกว่า Rising Camera ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล f/2.0 โดยจะสไลด์ขึ้นมาเมื่อใช้งานปลดล็อกด้วยใบหน้าหรือใช้งานกล้องหน้า
เรื่องความคงทนก็มีการทดสอบแล้วว่าสามารถใช้งานได้นานมากกว่า 6 ปี เฉลี่ยจาการเปิดขึ้น-ลงวันละ 100 ครั้ง
ส่วนด้านล่างหน้าจอจะไม่มีปุ่มใช้งานใดๆ ป็นตำแหน่งของปุ่มควบคุมการทำงานจะอยู่บนหน้าจอ โดยจะมีปุ่มเมนู ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ
ตัวเครื่องด้านบนที่มุมซ้ายจะมีช่องไมโครโฟนตัวที่ 2 สำหรับตัดสัญญาณรบกวน ถัดมาตรงกลางตัวเครื่องด้านบนเป็นตำแหน่งของที่เก็บกล้องถ่ายรูปด้านหน้า และสุดท้ายมุมขวาเป็นระบบเซนเซอร์
ต่อกันที่ส่วนด้านล่างของเครื่อง OPPO F11 Pro จากซ้ายสุดเป็นช่องลำโพงเสียง, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ Micro USB, ถัดมาเป็นรูไมโครโฟนสำหรับสนทนาและช่องหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
ตัวเครื่องด้านซ้ายเป็นตำแหน่งของ ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง
ส่วนตัวเครื่องด้านขวาของ OPPO F11 Pro จะมีปุ่มเปิด – ปิด เครื่องและล็อกหน้าจอ (ตรงปุ่มมีการใส่แถบปสีเขียวเข้าไปด้วยทำให้ง่ายในการใช้งาน) และช่องใส่ซิมการ์ด ใน OPPO F11 Pro จะรองรับ 2 ซิมการ์ด Nano แบบ Hybrid
ส่วนของฝาด้านหลังยังคงดีไซน์โดดเด่นด้วยบอดี้ไล่เฉดสี ซึ่งใน OPPO F11 Pro จะเล่นสีให้เราได้เห็นถึง 3 สีด้วยกันทาง OPPO เรียกว่า Triple-color Gradient ไล่สีสวยงามจากแนวทแยง เคลือบผิวด้วย Nano Printing ซึ่งข้อดีคือจะช่วยให้ตัวเครื่องดูเรียบเนียนเป็นชิ้นเดียวกัน ทำให้มีผิวสัมผัสแบบเรียบไม่สะดุดมือ และทำความสะอาดได้ง่ายด้วยครับ
สำหรับเครื่องที่เราได้มาพรีวิวเป็นสี Thunder Black จะเห็นว่ามันประกอบไปด้วยสีน้ำเงิน, สีดำ และสีม่วงเรียกวได้ว่าเป็นการผสมผสานที่ลงตัวสุดๆ
สำหรับฝาหลังด้านบนเป็นตำแหน่งของไฟแฟลช LED ถัดลงมาเป็นเลนส์กล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล f/2.4 และเลนส์ล่างสุดเป็นเลนส์หลัก 48 ล้านพิกเซล f/1.79 และถัดลงมาอีกนิดหน่อยจะเป็นเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
ส่วนของกล้องหลักด้านหลัง OPPO F11 Pro กับกล้องหลังคู่ที่มีความละเอียดมากที่สุดแล้วในฐานะของ F series และนับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงอันน่าจับตามองของสมาร์ทโฟนตระกูล F เลยก็ว่าได้ เพราะ OPPO F11 Pro มาพร้อมกล้องหลังคู่ 48 + 5 ล้านพิกเซล ทำให้สามารถถ่ายภาพได้สวยและคมชัดมากยิ่งขึ้น สวยชัดแม้แสงน้อย ด้วย Ultra-Night Mode การถ่ายกลางคืนยังทำได้ดีแม้ราคาแค่หมื่นต้นๆ
อย่าคิดไปว่า OPPO มีดีแต่กล้องหน้า
Ultra Night Modeภาพถ่ายกลางคืนที่เกิดจากการทำงานระหว่าง การประมวลผลของ AI และระบบ Ultra-clear Engine ทำให้ภาพถ่ายกลางคืนของคุณโดดเด่นกว่าใครAI Engine จะจดจำภาพต่างๆ และปรับการตั้งค่าให้เหมาะสมที่สุดการประมวลผลการถ่ายภาพในโหมด Hand-held MFNR และ HDR จะประมวลทั้งหมด 7 ภาพ เพื่อให้ได้แสงที่สมดุลและมี Noise ต่ำ แม้ในที่มืด Ultra-clear Engine มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว เพื่อการเปิดรับแสงในระยะเวลานาน พร้อมเพิ่มโทนสีผิวให้ดูดีในสภาพแสงน้อยภาพที่ได้มีความคมชัดสู
ส่วนกล้องหน้าเป็นแบบรียกว่า Rising Camera มาพร้อมความละเอียด 16 ล้านพิกเซล มีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.0 พร้อมเทคโนโลยี AI Beauty
VOOC Flash Charge 3.0 ด้วย FFC algorithm ใหม่จาก OPPO
ทำให้เทคโนโลยี VOOC 3.0 สามารถรักษา แรงดันไฟฟ้าสูงได้ในระหว่างการชาร์จ ทำให้เวลาการชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม ทำได้เร็วกว่าแบบเดิมถึง 20 นาที
OPPO F11 Pro ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย ColorOS 6.0
สรุปให้ฟังหลังได้ทดลองเล่นนิดหน่อย
อย่างที่บอกไปตอนต้นแล้วว่าหากถามว่าอะไรเด่นสุดๆ ในรุ่นนี้คงเป็นเรื่องของกล้องหน้าที่เป็นแบบ Rising Camera ที่ตัวกล้องจะสไลด์ขึ้นอัตโนมัติเมื่อเราต้องการใช้กล้องหน้า ซึ่งทาง OPPO ทำออกมาได้ค่อนข้างดีและยังการันตีว่าระบบสไลด์ของตัวเองคงทนมเพราะมีการทดสอบแล้วว่าสามารถใช้งานได้นานมากกว่า 6 ปี เฉลี่ยจาการเปิดขึ้น-ลงวันละ 100 ครั้ง (เอาจริงๆ จะมีสักกี่คนที่ใช้มือถือได้นานถึง 6 ปี)
ต่อกันด้วยเรื่องของสีสันอันนี้ก็ชอบนะเพราะรุ่นใหม่เป็นการทำฝาหลังเป็นการไล่เฉดสีแบบ Triple-color Gradient ไล่สีสวยงามจากแนวทแยง ทำให้มือถือเครื่องเดียวเวลาเล่นกับแสงหรือเล่นกับไฟเราสามารถเห็นฝาหลังถึง 3 สีอันนี้จัดว่าเด็ด(แต่ผมเทใจให้ OPPO R17 Pro ไปหมดแล้วก็ตาม)
ปิดท้ายกันด้วยเรื่องของกล้องสำหรับ OPPO F11 Pro ถือว่าทำออกมาได้ไม่เลว กล้องหลังยังคงถ่ายรูปกลางคืนได้ดีมากๆ (รออ่านได้ในรีวิวฉบับเต็ม) ยิ่งเปิดขายด้วยราคา 10,990 บาท ด้วยแล้วถือว่าเป็นอีกรุ่นที่คุ้มมากๆ เท่าที่ลองให้สาวๆ หลายคนเล่นก็ชอบๆ กัน กล้องหน้าดี กล้องหลังเลิศ แล้วคุณละอยากลองกันหรือยัง
ตัวอย่างจากกล้อง OPPO F11 Pro หลังความละเอียด 48+5 ล้านพิกเซล