เริ่มต้นกับปี 2020 ไม่ทันครบอาทิตย์ ข่าวสารบนโลก IT ก็มาอย่างรวดเร็ว และแน่นอนรวมถึงระบบปฏิบัติการบนมือถือ Android ที่กำลังจะเปิดตัวอย่าง Android 11 แต่ก่อนที่จะรู้ว่าจะมีฟีเจอร์ใหม่จะมีอะไรบ้าง ตอนนี้เรามาดูว่า เว็บไซต์ต่างประเทศอยากให้มีอะไรเพิ่มใน Android 11 บ้าง
EMOJI แบบใหม่ที่ดูดีกว่าเดิม
เรื่องแรกนั้น Emoji เพราะก่อนหน้านี้หน้าตาของ Emoji ของทาง Android ดูไม่น่าใช้เอาซะเลย จุดนี้ต้องลุ้นกันต่อไปว่า Emoji ใหม่ของ Android 11 จะปรับไปใช้แบบไหน แต่ที่แน่นอนคือ มันไม่เหมือนกับของ iOS แน่นอน
การบันทึกภาพหน้าจอในแบบ วิดีโอ (Native Screen Recorder)
ในกลุ่มมือถือในราคาสูงๆ มักจะมีฟีเจอร์บันทึกภาพหน้าจอแบบวิดีโอกันได้แล้วไม่ว่าจะเป็น Samsung, Huawei หรือจะเป็น iPhone ก็ตาม หาก Android 11 เพิ่มฟีเจอร์นี้ ควรจะมาพร้อมกับ Android 11 ได้แล้ว สำหรับมือถือ Android ทั่วไป
ไม่ควรให้ Google Assistant ปลดล็อคเครื่องให้
ถึงแม้ว่า ความฉลาดของ Google Assistant จะมีมากมายรวมถึงสามารถสั่งเปิด /ปิดเครื่องรวมถึงปลดล็อคการทำงานของเครื่องได้ (Siri ส่วนใหญ่จะคุมได้แค่ระดับเสียงเท่านั้น) บางความสามารถดูเป็นสิ่งที่อันตราย หรือบุคคลอื่นที่เห็นมือถือเราแล้วไปสั่ง หรือ โจรขโมย สิ่งที่ควรเพิ่มก็น่าจะการเลือกได้ว่าจะให้ทำงานได้หรือไม่มากกว่าจะเปิดทั้งหมด
แต่ประเด็นนี้ถ้า iOS ลงโปรแกรม Google Assistant ก็สามารถคุมได้ทั้งหมดเหมือนกันนะ
Dark Mode แบบตั้งเวลาได้
นอกจากมือถือรุ่นอื่นๆ ในกลุ่ม Android จะสามารถตั้ง Dark Mode ให้เปิด และปิดเป็นเวลาได้เพื่อทำให้เกิดการประหยัดแบตเตอรี่ได้มากที่สุด แต่ว่าส่วนใหญ่ตอนนี้ยังต้องเปิด และ ปิดด้วยตัวผู้ใช้เองอยู่ ซึ่งครั้งก็สร้างความลำบากอยู่ไม่น้อย
แต่ถ้าให้ดีจริง จากการวิเคราะห์โดยสื่อนอกในเรื่องนี้ นอกจากการตั้งเวลาได้แล้ว ก็ควรจะทำ Wallpaper ให้รองรับการเปลี่ยนแปลงตามระยะเวลาเพื่อช่วยถนอมสายตา ความจริงแล้ว Google มี Wallpaper แบบนี้อยู่แล้วล่ะ
ควรมี Apps สุขภาพพื้นฐานติดเครื่อง
ถึงแม้ว่า Google จะมีโปรแกรม Google FIT ซึ่งจะบอกในเรื่องของสุขภาพอยู่แล้วแต่ที่ผ่านมาก็ถือว่าเป็น Option ที่ต้องโหลดติดตั้งเอง หากในเวอร์ชั่น Android 11 จะมีโปรแกรมบอกเกี่ยวกับข้อมูลสุขภาพเป็นพื้นฐานก็คงจะดีไม่น้อย (แต่เชื่อว่าน่าจะไม่มีเหมือนเดิม)
ฟีเจอร์รับส่ง File ที่มีประสิทธิภาพ
หลังจาก Google ได้ยุติการให้บริการ Android Beam โดยการแตะ NFC และเชื่อมต่อผ่านการต่อ Bluetooth ไป และตอนนี้ยังไม่มีบริการไหนมาทดแทน ทำให้การส่ง File ระยะใกล้เช่นรูปภาพ หรือ วิดีโอ ที่มีขนาดไม่ใหญ่มากไปยังอุปกรณ์ยังคงขาดอยู่
หากมองไปแล้วถ้าทำรูปแบบคล้ายๆ กับ AirDrop ของ iOS ที่รองรับการรับส่งข้อมูลมหาศาลและง่ายแค่หา Contact เท่านั้นก็จะสะดวกมากครับ
ควรจะมีตัวเลือกเกี่ยวกับ Lock Screen เพิ่ม
ธรรมชาติของ Android คือจะสามารถเปลี่ยนเรื่องของการตั้งค่าเกี่ยวกับปลดล็อคหน้าจอได้ แต่หน้า Lock Screen จะไม่ค่อยมีอะไรให้เลือกใช้งานเท่าไหร่ นอกจากการแจ้งเตือน หากสามารถเลือกให้สามารถทำอะไรได้หลากหลายมากกว่าปัจจุบันที่เป็นอยู่ และปรับขนาดให้ได้เหมือนกับหน้าจอปกติ
การบอกปริมาณแบตเตอรี่ของอุปกรณ์์ Bluetooth (โดยเฉพาะ AirPods)
ถ้าพูดถึงหูฟังที่ยอดนิยมอย่าง AirPods ปกติการเชื่อมต่อกับมือถือไม่ว่าจะเป็นระบบปฏิบัติการไหนก็ทำได้ง่าย เพียงแต่ว่า ในการบอกแบตเตอรี่ และการตั้งค่าผ่านระบบปฏิบัติการ Android ยังคงเรียกได้ว่าเป็นไปไม่ได้ ยกเว้นใช้โปรแกรมเสริม รวมถึง ปริมาณแบตเตอรี่ ที่ไม่สามารถบอกข้อมูลได้
แต่หาก Apps ใจกว้างเปิดให้มีโปรแกรมบอกปริมาณไฟของ AirPods ก็คงจะดีไม่น้อยเลยครับ
การเข้าถึงทั่วทั้งระบบ
ก็ต้องยอมรับในเรื่องหนึ่งที่ Android ยังคงไม่เหมือนกับ iOS คือการเข้าถึงส่วนต่างๆ ยังคงมีความซับซ้อน แม้ว่า Android จะนำเทคโนโลยีการปัดใช้แล้ว แต่อาจจะยังยุ่งยากกับในเรื่องเข้าถึงนั่นเอง
หากมีการนำเรื่องนี้มาปรับเข้ามาใน Android เช่นการออกแบบ icon ที่ใช้งานได้ง่ายมากขึ้น รวมถึงในเรื่องการออกแบบเมนูให้เข้าถึงได้ง่ายกว่านี้ก็ดึงดูดให้คนเข้ามาใช้มากขึ้นได้
ฟีเจอร์เหล่านี้ถูกเปลี่ยนไปตามนี้หรือไม่คงต้องรอลุ้นกันต่อไปครับ
ที่มา: www.phonearena.com