เอสเอพี เอสอีเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจด้วย RISE with SAP บริการ Business Transformation ที่เปิดตัวไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ตั้งเป้าเสริมทัพให้แก่องค์กรในประเทศไทยในการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดได้อย่างแข็งแกร่งและคล่องตัว
จากข้อมูลของเอสเอพี พบว่า การใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัล มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงเริ่มระบาดของไวรัสและมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยองค์กรได้ปรับตัวสู่การใช้ระบบคลาวด์และเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อเพิ่มความสามารถในการดำเนินธุรกิจท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และวางเส้นทางการเติบโตอย่างมั่นคงหลังวิกฤตโควิด
เอทูล ทูลิ กรรมการผู้จัดการ เอสเอพี อินโดไชน่า กล่าวว่า “เราได้เห็นอัตราเร่งในการปรับใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากในครึ่งปีแรก จากผลสำรวจล่าสุดของเอสเอพี องค์กรในประเทศไทยส่วนใหญ่กำลังมองหาวิธีที่จะเพิ่มความยืดหยุ่นในการดำเนินธุรกิจ ปรับปรุงกระบวนการทำงานสู่วิถีดิจิทัล และยกระดับประสบการณ์ของพนักงาน พร้อมลงทุนในระบบเพื่อเสริมประสิทธิภาพให้มากยิ่งขึ้น”
ทั้งนี้ ผลพวงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปัจจุบัน ถือเป็นโอกาสสำหรับการเติบโตของตลาดคลาวด์ ดังจะเห็นได้จากการนำระบบคลาวด์ไปสร้างความคล่องตัวทางธุรกิจในหลายอุตสาหกรรมทั่วโลก ตามรายงานของ Gartner หลังจากโควิดเริ่มคลี่คลาย การใช้จ่ายในบริการคลาวด์สาธารณะทั่วโลก คาดว่าจะสูงถึง 332.3 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2564
ซึ่งเพิ่มขึ้น 23.1% จากปี 2563 สำหรับเอสเอพี ธุรกิจคลาวด์กลายเป็นหนึ่งในสามของกลุ่มธุรกิจที่ให้บริการทั่วโลกในปี 2563 และในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเติบโตคลาวด์เติบโตขึ้นถึง 18% ด้านภาพรวมของประเทศไทย รัฐบาลได้ออกแผนผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัลและอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น นโยบายประเทศไทย 4.0 และมาตรการต่างๆ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนใช้นวัตกรรมดิจิทัลในองค์กรธุรกิจ
ก้าวต่อไปในปี 2564 ของเอสเอพี เอทูล ทูลิ เน้นกลยุทธ์ “3Rs” ซึ่งจะช่วยให้องค์กรธุรกิจในประเทศไทยสามารถเอาชนะความท้าทายที่เกิดจากโควิด-19 ปรับตัวให้องค์กรมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
Response: วางแผนขั้นตอนการตอบสนองต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างเฉียบคม โดยสร้างกระบวนการที่เริ่มจากการทำความเข้าใจว่าปัจจัยแวดล้อมที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างไร
Recovery : การฟื้นตัว ถือเป็นระยะต่อเนื่องที่ช่วยให้องค์กรสามารถก้าวไปข้างหน้าจากแนวทางการทำงานรูปแบบใหม่
Reimagine business: องค์กรจะต้องพลิกโฉมธุรกิจเพื่อสร้างความแตกต่าง มุ่งเน้นไปที่ความสามารถในการคิดวางแผนงานและดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว ผ่านการพัฒนารูปแบบธุรกิจใหม่ๆ ที่ทำลายกฎเกณฑ์แบบเดิม ซึ่งในระยะนี้ อาจรวมถึงการทดลองเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ ที่องค์กรริเริ่มปรับใช้ ให้ธุรกิจก้าวต่อไปได้อย่างรวดเร็ว
“RISE with SAP” และบริการล่าสุดของ เอสเอพี ชุดโซลูชั่น Business Transformation เต็มรูปแบบ (Business Transformation-as-a-Service) ที่เปิดตัวในประเทศไทยไปเมื่อเร็วๆ นี้ จะเข้ามาช่วยให้องค์กรต่างๆ ปรับโฉมธุรกิจและเร่งการย้ายฐานข้อมูลไปยังระบบคลาวด์ เพื่อพัฒนาธุรกิจด้วยการใช้เทคโนโลยีที่ชาญฉลาด ปูทางสู่การเป็น อินเทลลิเจนท์ เอ็นเตอร์ไพรซ์
“การปรับใช้งานเทคโนโลยีอันชาญฉลาด เป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความแตกต่างและความยืดหยุ่นทางธุรกิจ ความท้าทายขององค์กรในปัจจุบันคือการผสมผสานเทคโนโลยีและธุรกิจ ตลอดจนองค์กรจะทำอย่างไรให้เป็นผู้นำท่ามกลางบรรยากาศที่มีการแข่งขันอย่างสูง” เอทูล กล่าวปิดท้าย
จากมุมมองของลูกค้าทั้งขนาดใหญ่ไปจนถึงขนาดเล็ก สิ่งสำคัญที่ลูกค้ามองหา คือวิธีการสร้างคุณค่าและผลลัพธ์ทางธุรกิจอย่างรวดเร็วจากระบบปฏิบัติการที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทั่วทั้งองค์กร บริการ RISE with SAP จะช่วยให้ลูกค้าสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจแบบองค์รวม ปราศจากอุปสรรคด้านการเริ่มต้นใช้งานหรือขั้นตอนที่ซับซ้อน โปรแกรมนี้ยังช่วยให้องค์กรต่างๆ เข้าใจกระบวนการทางธุรกิจ โดยมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจและตัดสินใจได้อย่างฉับไวในการขับเคลื่อนผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ เอสเอพี ประเทศไทย ได้สนับสนุนลูกค้ากว่า 1,000 ราย ในการยกระดับธุรกิจให้กลายเป็น อินเทลลิเจนท์ เอ็นเตอร์ไพรซ์ บนระบบคลาวด์ โดยกลุ่มอุตสาหกรรมหลักที่ใช้งานโซลูชั่นของ เอสเอพี ได้แก่ อุตสาหกรรมพลังงานและทรัพยากรธรรมชาติ, สินค้าอุปโภคบริโภค, โทรคมนาคม และ หน่วยงานภาครัฐ
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ SAP News Center ติดตามเอสเอพีทางทวิตเตอร์ได้ที่ @sapnews