ในที่สุดก็เดินทางมาถึงมือเราแล้วครับสำหรับเจ้า Apple AirTag ผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ขอบ Apple ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานล่าสุด แน่นอนมันคุ้มค่าแก่การรอค่อยจริงๆ
ต่อไปใครของหายไม่ต้องกลัวอีกแล้ว ถ้ามี AirTag มันคือวิธีที่ง่ายสุดๆ ในการติดตามข้าวของของคุณ แค่ติดชิ้นหนึ่งไว้กับกุญแจ แล้วใส่อีกชิ้นไว้ในกระเป๋าเป้ เพียงเท่านี้ ทุกชิ้นก็จะไปอยู่บนเรดาร์ของคุณในแอปค้นหาของฉัน ซึ่งนั่นคือที่ที่คุณสามารถติดตามอุปกรณ์ Apple ของคุณ รวมถึงเพื่อนๆ และครอบครัวได้อีกด้วย
และแน่นอนว่าเราก็ไม่รอช้าที่จะหา AirTag ของจริงมาใช้งานและรีวิวให้แฟน ๆ Techhausth.com ได้อ่านกัน มาดูกันครับว่า AirTag เหมาะแก่การเสียเงินในราคา 1 ชิ้น 990.- และ 4 ชิ้น 3390.- บาทหรือไม่?
ข้อนี้เราว่าทุกคนคงทราบดีว่า AirTag ของแอปนั้นเป็นปกรณ์เสริมขนาดเล็กที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำงานร่วมกันกับระบบ FindMy นั้นเอง และหากคุณเป็นคนที่ใช้ไอโฟนจะรู้ดีว่า FindMy นั้นสามารถทำงานได้ดีขนาดไหนในการตามหามือถือหาย ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์เสริมอย่างหูฟัง หรือเครื่อง iPhone เองก็ตาม แต่อย่างที่บอกมันไม่สามารถติดตามค้นหาเครื่องใช้ทั่วไปได้
ดังนั้น AirTag จึงสร้างขึ้นมาแก้ปัญหาเหล่านั้นแค่นำจ้า AirTag ไปเกี่ยวไว้ได้ติด AirTag ไว้กับกระเป๋าถือ กุญแจ กระเป๋าเป้ หรือสิ่งของอื่น ๆ มันก็จะไม่หายอีกต่อไปเพราะ AirTag จะระบุตำแหน่งสิ่งของที่หายไป
แพ็กเกจและการดีไซน์ตัว AirTag
สำหรับรอบนี้เราได้เจ้า AirTag แบบแพค 4 มารีวิวครับ แม้จะมาถึง 4 แต่กล่องก็ไม่ใหญ่กำลังดี ตามสไตล์ของแอปเปิล เรียบ ง่าย แต่หรูหรา กล่องสีขาวซีลรอบกล่องมาอย่างดี
เปิดกล่องออกมาด้านในมี Airtag ทั้ง 4 ชิ้นวางเรียงกันเรียบร้อยฝั่งละ 2 ตัวรวมกันทั้งหมดได้ 4 ชิ้น แต่ละชิ้นถูกห่อหุ้มด้วยพลาสติกขุ่นที่ทางโรงงานเขาซีลไว้กันรอยขีดข่วนและพลาสติกขุ่นอันนี้แหละจะเป็นตัวเปิด
แบตเตอรี่ของ AirTag คือดึงออกตอนไหนเครื่อง AirTag ก็จะเริ่มทำงานตอนนั้น จะมีเสียงกระซิบเล็กๆ กระซิบให้เราได้ยินนั้นคือการเริ่มต้นการใช้งานอย่างเป็นทางการครับ
สัมผัสแรกสำหรับ AirTag คือรูปร่างคงไม่ต้องบอกมันมาพร้อมทรงกลมเหมือนอย่างภาพที่เราเห็นในงานเปิดตัว แต่ที่ค่อนข้างชอบคือของจริงแต่ละชิ้นมีขนาดเล็กและน้ำหนักเบากว่าที่จินตนาการไว้มาก ตัวของ Airtag ทำจากสแตนเลสสตีลขัดเงาที่มีการสลักข้อความอย่างแม่นยำ
ตัว AirTag ทั้ง 2 ด้านจะไม่เหมือนกันครับ ด้านหน้าจะเป็นเหมือนสแตนเลสและมีสกรีน Apple ส่วนอีกด้านเป็นพลาสติกสีขาวขุนสามารถใส่ความเป็นตัวเองด้วยบริการสลักข้อความฟรีหากซื้อกับทางแอปเปิล
AirTag มีลำโพงในตัวที่จะเล่นเสียงเพื่อช่วยระบุตำแหน่งของ AirTag พร้อมด้วยที่ครอบแบบถอดได้ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้เปลี่ยนแบตเตอรี่ด้วยตัวเองได้ง่ายๆ
รีวิวรอบนี้ AirTag ของเรามาพร้อมกับพวงกุญแจหนังสำหรับ AirTag – สีน้ำตาลอานม้า และแน่นอนเราต้องเอา AirTag มาประกอบเข้ากับพวงกุญแจที่ได้มากันสูญหาย
AirTag มาพร้อมชิป U1 ที่ออกแบบโดย Apple และใช้เทคโนโลยีอัลตร้าไวด์แบนด์ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของคุณสมบัติ “ตำแหน่งที่ตั้งจริง” หรือ Precision Finding สำหรับผู้ใช้ iPhone 11 และ iPhone 12 เทคโนโลยีอันล้ำสมัยนี้สามารถบอกระยะห่างและทิศทางไปยัง AirTag ที่หายไปได้อย่างถูกต้องแม่นยำเมื่ออยู่ในระยะ และเมื่อผู้ใช้เคลื่อนที่ คุณสมบัติ “ตำแหน่งที่ตั้งจริง” จะใช้ข้อมูลที่ได้จากทั้งกล้อง, ARKit, อุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหว และไจโรสโคปประกอบกัน แล้วพาผู้ใช้ไปยังตำแหน่งของ AirTag โดยใช้ทั้งเสียง การสั่น และภาพในการนำทาง
AirTag มีความสามารถในการทนน้ำ น้ำที่กระเด็นใส่ และฝุ่น ซึ่งผ่านการทดสอบตามหลักเกณฑ์ของห้องปฏิบัติการที่ได้รับการควบคุมที่ระดับ IP67 ตามมาตรฐาน IEC 60529 (ความลึกไม่เกิน 1 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที) ความสามารถในการทนน้ำ น้ำที่กระเด็นใส่ และฝุ่นจะไม่คงอยู่ถาวร ซึ่งความสามารถดังกล่าวอาจลดลงจากการใช้งานตามปกติ โปรดดูคำแนะนำเกี่ยวกับการทำความสะอาดและการทำให้แห้งในเอกสารด้านความปลอดภัยและการดูแล
ทำงานคู่กับ ระบบติดตาม Findmy ของ Apple
ขั้นตอนการเชื่อมต่อแสนง่ายเพียงแค่คุณนำ AirTag มาอยู่ใกล้ๆ iPhone ง่ายๆ สวยๆ แตะครั้งเดียวเพื่อตั้งค่า แล้ว AirTag ของคุณก็จะเชื่อมต่อกับ iPhone หรือ iPad ของคุณในทันที จากนั้นก็ตั้งชื่อให้กับ AirTag แล้วนำไปติดเข้ากับสิ่งที่คุณอยากติดตาม แค่นี้ก็เสร็จเรียบร้อย หรือถ้าอยากรับการแจ้งเตือนจาก AirTag บน Apple Watch ด้วย ก็ไม่มีปัญหา
เมื่อตั้งค่าเรียบร้อยแล้ว AirTag จะปรากฏในแถบ “สิ่งของ” ใหม่ในแอปค้นหาของฉัน โดยที่ผู้ใช้สามารถดูตำแหน่งปัจจุบันหรือตำแหน่งสุดท้ายของสิ่งนั้นบนแผนที่ได้ และหากผู้ใช้หาของไม่เจอแต่อยู่ในระยะของ Bluetooth ก็สามารถใช้แอปค้นหาของฉันเพื่อสั่งให้ AirTag ส่งเสียงเพื่อช่วยให้หาเจอได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถบอกให้ Siri ค้นหาสิ่งของ แล้ว AirTag ก็จะเล่นเสียงหากอยู่ใกล้ๆ
นอกจากนี้เรายังสามารถแก้ไขชื่อของ AirTag ได้ตามใจชอบอีกด้วยครับ
เล่นและเล่ากับความรู้สึกที่มีต่อ AirTag
บอกได้คำเดียวว่า AirTag คืออุปกรณ์เสริมชิ้นเล็กในดีไซน์เรียบหรูดูดีที่สามารถใส่ความเป็นตัวเองด้วยบริการสลักข้อความฟรี และช่วยให้ผู้ใช้ iPhone สามารถติดตามและระบุตำแหน่งสิ่งของมีค่าได้อย่างปลอดภัยโดยใช้แอปค้นหาของฉัน (FindMy)
อีกข้อที่ค่อนข้างชอบมาก ๆ คือ AirTag ได้รับการออกแบบให้มีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นาน 1 ปี ใช่ละครับคุณอ่านไม่ผิดแน่นอน 1 ปีเปลี่ยนแบตครั้งผมว่าโครตดี แม้ว่าเราจะใช้งานทุกวัน, และเราก็สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ CR2032 ที่มีจำหน่ายทั่วไปด้วยตัวเองได้ และแบตเตอรี่สำหรับเปลี่ยนนั้นจำหน่ายแยกต่างหากอีกด้วย
นอกจากนี้ AirTag ออกแบบมาให้มีการป้องกันการติดตามที่ไม่พึงประสงค์ ถ้าเกิดมี AirTag ของใครติดไปกับข้าวของของคุณ iPhone ของคุณจะรู้และแจ้งเตือนให้คุณทราบว่ามี AirTag กำลังเดินทางไปพร้อมคุณ แล้วหลังจากนั้นสักพักถ้าคุณยังหาไม่เจอ AirTag ก็จะเริ่มส่งเสียงดังเพื่อบอกให้คุณรู้ว่าอยู่ตรงไหน
แต่ถ้าเกิดว่าคุณกำลังอยู่กับเพื่อนที่มี AirTag หรืออยู่บนรถไฟพร้อมกับหลายๆ คนที่มี AirTag ก็ไม่ต้องห่วง เพราะการแจ้งเตือนจะเริ่มทำงานก็ต่อเมื่อ AirTag แยกกับเจ้าของเท่านั้น
ราคาและการวางจำหน่าย
AirTag จะวางจำหน่ายในแบบแพ็ค 1 ชิ้น และ 4 ชิ้นในราคา 990 บาท และ 3,390 บาท ตามลำดับ ทางเว็บไซต์ apple.com/th, ในแอป Apple Store, ที่ Apple Store สาขาต่าง ๆ และผ่านทางตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตของ Apple รวมถึงผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์อีกหลายราย (ราคาอาจแตกต่างกันออกไป)
และถ้าคุณซื้อ AirTag กับ Apple คุณสามารถสลักข้อความฟรีได้อีกด้วยครับจะเป็นชื่อคนหรืออีโมน่ารัก ๆ ก็จัดได้…
AirTa ต้องใช้กับ iPhone SE, iPhone 6s หรือใหม่กว่า, หรือ iPod touch (รุ่นที่ 7) ที่มี iOS 14.5 หรือใหม่กว่า, หรือ iPad Pro, iPad (รุ่นที่ 5 หรือใหม่กว่า), iPad Air 2 หรือใหม่กว่า หรือ iPad mini 4 หรือใหม่กว่าที่มี iPadOS 14.5 หรือใหม่กว่า