ปฏิเสธไม่ได้ว่าในช่วงปีที่ผ่านมาวิถีชีวิตของผู้คนทั่วโลกต้องปรับเปลี่ยนไปเป็นอย่างมากเพื่อรับมือกับการใช้ชีวิตแบบ New Normal

การเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้ยังรวมไปถึงเทรนด์ด้านพฤติกรรมการใช้งานเทคโนโลยีและ “สมาร์ทดีไวซ์” ของผู้บริโภค เรื่องที่น่าสนใจก็คือวิถีใหม่แห่งการใช้ชีวิตนี้ เข้ามาเป็นหนึ่งในปัจจัยเร่งอย่างมีนัยสำคัญในการเติบโตของสมาร์ทดีไวซ์

ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่แค่สมาร์ทโฟนอีกต่อไป และสิ่งหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ก็คืออุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะ หรือ “Wearable” อย่างเช่น สมาร์ทวอทช์หรือหูฟังไร้สาย ที่หลายคนเริ่มหันมาสนใจและใช้งานต่อยอดจากสมาร์ทโฟนคู่ใจ

โดยสาเหตุน่าสนใจที่ทำให้อุปกรณ์ Wearable เป็นที่นิยมไปทั่วโลกขณะนี้ก็คือ เทรนด์ที่คนตระหนัก เอาใจใส่ด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของตัวเองและคนใกล้ชิดมากขึ้น รวมถึงความต้องการใช้นวัตกรรมที่มากับอุปกรณ์เหล่านี้ เป็นเสมือนผู้ช่วยดูแลตัวเองในยุคแห่งการดูแลสุขภาพทั้งด้านร่างกายและจิตใจ

ตลาด Wearable โลกในปี 2021 โตแตะแสนล้านเหรียญ

ทั้งนี้ บริษัทวิจัยด้านการตลาดอย่าง MarketsandMarkets ได้เปิดเผยผลการศึกษาที่น่าจับตามองว่าตลาดเทคโนโลยี Wearable ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่อุปกรณ์สวมใส่ที่ข้อมือ (Wristwear) อุปกรณ์สวมบนศีรษะ (Headwear) อุปกรณ์สวมใส่ที่เท้า (Footwear) รวมไปถึงอุปกรณ์บนเครื่องแต่งกายแบบต่างๆ (Bodywear) จะเติบโตจากมูลค่าตลาด 116,200 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2021 สู่มูลค่า 265,400 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2026 หรือในอีก 5 ปีข้างหน้า

โดยคาดว่าในปี 2021 นี้ ตลาดของอุปกรณ์สวมใส่ที่ข้อมือจำพวกสมาร์ทวอทช์เพียงอย่างเดียวจะมีมูลค่าตลาดสูงถึง 77,900 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนนิยมใช้งานสมาร์ทวอทช์มากขึ้นก็เป็นเพราะหน้าจอแสดงผลบนตัวผลิตภัณฑ์ที่ล้ำสมัยกว่าเดิม เทรนด์เรื่อง Internet of Things (IoT) ที่ทำให้อุปกรณ์ทั้งหลายเชื่อมต่อถึงกันได้อย่างไร้รอยต่อมากขึ้น และแอปฯ บนสมาร์ทโฟนที่ได้รับการออกแบบให้ใช้งานผ่านหน้าปัดนาฬิกาได้

แต่อีกเรื่องหนึ่งที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ก็คือการที่สมาร์ทวอทช์มีเทคโนโลยีด้านสุขภาพและการออกกำลังกายติดตั้งอยู่ในตัว ยิ่งทำให้มีผู้บริโภคจำนวนมากซื้อมาใช้งานในช่วงนี้ เพื่อคอยติดตามดูแลสุขภาพของตัวเอง ประหนึ่งเป็นเกราะป้องกันทางด้านเทคโนโลยี เพื่อช่วยให้การดูแลสุขภาพทั้งของตนเองและคนใกล้ชิดนั้นสะดวกกายสบายใจยิ่งขึ้น

ฟีเจอร์ดูแลสุขภาพบนอุปกรณ์อัจฉริยะมาแรงแซงโค้ง

เทคโนโลยีสำหรับการดูแลสุขภาพที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ บนอุปกรณ์สมาร์ทวอทช์นั้นรวมไปถึงเซ็นเซอร์สำหรับการวัดอุณหภูมิร่างกาย เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจระหว่างออกกำลังกาย ไปจนถึงการวัดค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด

ซึ่งต่างก็เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานรู้ว่าตนมีความเสี่ยงใดหรือไม่ ทั้งนี้ บรรดาแบรนด์เทคโนโลยีทั้งในฝั่งตะวันตกและฝั่งเอเชียต่างก็ออกผลิตภัณฑ์สมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่ๆ มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2020 จนถึงปี 2021 ทั้ง Apple Watch Series 6, Samsung Galaxy Watch 3 หรือ Fitbit Versa 3 ซึ่งต่างก็ครบครันทั้งฟีเจอร์ด้านการดูแลสุขภาพและการใช้ทำงานทั่วไป

ล่าสุดหนึ่งในแบรนด์ไอทีระดับโลกอย่างหัวเว่ยก็เพิ่งปล่อย HUAWEI WATCH 3 Series เข้ามาแข่งขันในตลาดอีกรายในปีนี้ แน่นอนว่าพกฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ยุคแห่งการดูแลสุขภาพมาชุดใหญ่ไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นการตรวจจับการหกล้มอัตโนมัติ พร้อมฟีเจอร์ส่งสัญญาณ SOS ขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน

การวัดอัตราการเต้นของหัวใจระหว่างออกกำลังกายได้ตลอดวัน2 การวัดอุณหภูมิผิวบริเวณเซ็นเซอร์ตรวจวัด2 และการวัดค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด3 นอกจากนี้ยังรองรับระบบ eSIM4 สามารถรับสาย-โทรออกโดยตรงได้บนข้อมือ รวมถึงจัดการและติดตั้งแอปพลิเคชันได้โดยตรงบนสมาร์ทวอทช์เช่นกัน

พฤติกรรมด้านการออกกำลังกายที่ส่งผลไปถึงการเลือกหูฟัง

นอกจากการใช้งานฟีเจอร์ด้านสุขภาพบนสมาร์ทวอทช์ การใช้งานอุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์ควบคู่ไปกับกิจกรรมเพื่อการดูแลสุขภาพอย่างการออกกำลังกายก็ได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะการเลือกหูฟังเพื่อสร้างความสุนทรีผ่านเพลงโปรดให้ตอบโจทย์การออกกำลังกายในหลายรูปแบบ ทั้งการวิ่ง การออกกำลังกายในฟิตเนส หรือแม้แต่การออกกำลังภายในบ้าน ส่งผลให้ช่วงหลังแบรนด์หูฟังออกแบบหูฟังรุ่นใหม่ให้สามารถกันน้ำ กันเหงื่อ หรืออย่างน้อยก็สามารถกันละอองฝนได้ดีขึ้น

รวมทั้งมีแบตเตอรี่ที่อึดขึ้น ใช้เวลาชาร์จน้อยลง และมีเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนภายนอกที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือหูฟังตัวใหม่ล่าสุดจากหัวเว่ยกับ HUAWEI FreeBuds 4 ที่นอกจากคุณภาพเสียงดี ราคาสบายกระเป๋าแล้ว ก็พกฟีเจอร์มาตอบโจทย์เทรนด์การใช้งานเหล่านี้โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นมาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP54 ที่สามารถกันละอองฝนและกันเหงื่อได้สบาย ความอึดแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้นานถึง 22 ชั่วโมงเมื่อปิด ANC และใช้ร่วมกับเคสชาร์จ และสามารถใช้ได้ต่อเนื่องถึงสองชั่วโมงครึ่งด้วยการชาร์จเพียง 15 นาทีเท่านั้น

แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือฟีเจอร์ด้านการตัดเสียงที่ผสมผสานเทคโนโลยีตัดเสียง Active Noise Cancellation (ANC) 2.0 เข้ากับระบบ Adaptive Ear Matching (AEM) ที่จะช่วยปรับการใช้งานระบบตัดเสียงให้เข้ากับรูปทรงใบหูของผู้ใช้ให้มากที่สุด เพื่อให้ได้การตัดเสียงบนหูฟังทรง Open-fit ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้

แน่นอนว่าตลาดสมาร์ทดีไวซ์ที่ยังคงได้รับความนิยมสูงสุดในโลกอย่าง “สมาร์ทโฟน” ก็ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2021 ที่ผ่านมา บริษัทวิจัย Gartner เปิดเผยข้อมูลว่ายอดขายสมาร์ทโฟนทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นถึง 26% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

โดยมีปัจจัยหลักมาจากเรื่องที่คนต้องการอัปเกรดมือถือเพื่อตอบรับกับเทรนด์เทคโนโลยี ซึ่งรวมไปถึง การเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดของหัวเว่ยในประเทศไทยกับ HUAWEI Nova 8i หน้าจอขนาด 6.67 นิ้ว ชูฟีเจอร์เด่นเรื่องเทคโนโลยีกล้อง AI 4 เลนส์ ความละเอียดสูงสุด 64 ล้านพิกเซล แบตเตอรี่ความจุ 4300 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จไว HUAWEI SuperCharge 66W สามารถชาร์จไฟจนเต็มได้ภายใน 38 นาที มาพร้อมสเปก RAM 8GB พร้อมกับความจุข้อมูล ROM 128 GB อีกด้วย

สำหรับใครที่สนใจอยากหาอุปกรณ์ Wearable มาใช้งานตามเทรนด์สักชิ้นสองชิ้นพร้อมกับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ดีๆ อีกสักตัว สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้ที่ HUAWEI FreeBuds 4, HUAWEI WATCH 3 Series และ HUAWEI Nova 8i ซื้อตอนนี้มีโปรโมชันพรีออเดอร์ทั้งลดราคาและแถมของสมนาคุณมากมาย เมื่อซื้อสินค้าที่ HUAWEI Experience Store และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ ระหว่างวันที่ 14 กรกฎาคม 2564 ถึง 22 กรกฎาคม 2564 สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรโมชันได้ที่นี่

ข่าวประชาสัมพันธ์

SHARE
คนเล่าเรื่องไอที ที่เชื่อว่าการได้เดินทางและการพบปะพูดคุยกับผู้คนในสายงานต่าง ที่ไม่คุ้นเคยคือกำไรชีวิต...หลงไหลในการเดินทางเป็นชีวิตจิตใจ ตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อได้เจอเจ้าหน้าที่ ตม.
RELATED POSTS
สรุปราคา iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max ในเมืองไทย
จริงๆ แล้วโปรแกรม Find My ของ Apple สามารถบอกตำแหน่งแม้อุปกรณ์ชิ้นนั้นจะปิดอยู่ก็ตาม
ชมความงามคอนเซ็ปต์ iPhone 13 Pro ส่งตรงจาก EverythingApplePro

Leave Your Reply

*