เมื่อพูดถึงหูฟังเราว่าตอนนี้หูฟังหลาย ๆ ประเภทกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันไปแล้ว ยิ่งในช่วงสถานะการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ โควิด-19 ในปัจจุบันที่ทำให้เราต้องหันมา “Work From Home” ทำงานกับบ้านมากขึ้น หูฟังยิ่งมีความสำคัญ
แน่นอนว่าเราคงคุ้นเคยกันดีกับ วันพลัส (OnePlus) แบรนด์รถสมาร์ทโฟนชั้นนำของโลกที่ล่าสุดได้จัดงานอีเวนต์ (Event) เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่อย่าง “OnePlus Nord 2 5G” อย่างเป็นทางการไป (รอว่าจะเข้าไทยวันไหน)
โดยในงานอีเวนต์ดังกล่าวนอกจากสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่อย่าง “OnePlus Nord 2 5G” ที่เผยโฉมให้เราเห็นแล้วในงานยังมีการเปิดตัว “OnePlus Buds Pro” หูฟังไร้สาย In-ear รุ่นใหม่ที่มาพร้อมความสามารถในการตัดเสียงรบกวนอีกด้วย
OnePlus Buds Pro มาพร้อมความ Dynamic Driver ขนาด 11 มิลลิเมตร ทำให้เราได้สัมผัสกับเสียงเบสหนัก ๆ ได้อย่างสะใจ และรองรับระบบเสียง Dolby Atmos
OnePlus Buds Pro สามารถควบคุมการใช้งานด้วยการแตะที่ก้านหูฟัง นอกจากนี้มันยังมาพร้อมกับไฮไลท์หลักของหูฟังรุ่นใหม่ในปัจจุบันที่ต้องมีคือระบบตัดเสียงรบกวนอย่าง Smart Adaptive Noise Cancellation รวมไปถึงมาตรฐานป้องกันน้ำป้องกันฝุ่น IP55 แม้ต้องเจอกับสถานการณ์น้ำหกใส่ ฝนตก หรือจะเหงื่อออกจนท่วมตัวก็ไม่มีปัญหา
OnePlus Buds Pro มาพร้อมดีไซน์มาพร้อมดีไซน์รูปทรงและขนาดเล็กและมีน้ำหนักเพียง 52 กรัม เหมาะแก่การพกพาไปไหน มาไหนได้สะดวก แม้จะโยนมันลงในกระเป๋าเล็ก ๆ ก็ตาม ตัวหูฟังไร้สาย In-ear แบบมีก้านยื่นด้านล่าง ขนาด 32×32 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักหูฟัง 4.35 กรัม โดยพื้นผิวหูฟังจะให้สัมผัสผิวด้าน บริเวณก้านเป็นส่วนควบคุมฟังก์ชั่นการใช้งานต่าง ๆ สีสันคล้ายเมทัลลิก เพิ่มความเงา จึงให้ดีไซน์คล้ายสีทูโทน
แบตเตอรี่ที่เรียกว่าอึดมากครับเพราะว่า OnePlus Buds Pro สามารถใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่องสูงสุด ด้านการใช้งานก็ยาวนานต่อเนื่องสูงสุด 38 ชั่วโมง เมื่อไม่ได้เปิดโหมดตัดเสียงรบกวน และ 28 ชั่วโมงเมื่อเปิดระบบตัดเสียงรบกวน กรณีเคสชาร์จแบตเตอรี่รวมเคส ส่วนหูฟังถ้าเปิดเสียงรบกวนใช้งานได้ 5 ชั่วโมง หากไม่เปิดจะเป็น 7 ชั่วโมง นอกจากนี้ตัวเคสยังรองรับการชาร์จแบบไร้สายอีกด้วย
ทั้งนี้ OnePlus Buds Pro เปิดราคาในสหรัฐอเมริกามาที่ 149.99 ดอลลาร์ หรือประมาณ 4,900 บาท และมีกำหนดการวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 เป็นต้นไป
ในส่วนของสีสันนั้นเจ้า OnePlus Buds Pro มีให้เลือกทั้งหมด 2 สี คือสีขาว Glossy White และสีดำ Matte Black
ส่วนประเทศไทยต้องรอติดตามอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง คาดว่าจะนำเข้ามาวางจำหน่ายพร้อมกับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่… แต่เราว่าอีกไม่นานเกินรอ!!!