เดือนหน้าจะครบรอบ 5 ปีนับตั้งแต่ Apple ประกาศ Apple Watch Series 3 แม้ว่าตอนนี้มันจะเป็นสมาร์ทวอทช์ตกรุ่นไปนานแล้ว แต่ Series 3 ยังคงมีขายอยู่ในราคา 199 ดอลล่าร์สหรัฐฯ

สมมติว่าถ้าหากคุณยังคงใช้ Apple Watch Series 3 อยู่ในตอนนี้ บทความนี้จะเผยเรื่องที่คุณต้องรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงในตัว Apple Watch Series ที่กำลังจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนหน้า จะเปลี่ยนแปลงมากแค่ไหนถ้าคุณกำลังอยากจะเปลี่ยนข้ามจากรุ่น Series 7 มาตัวใหม่นี้

apple-watch-8-unreleased-feat

หมายเหตุ : ทั้งหมดที่คุณเห็นเป็นการรวบรวมจากข่าวลือที่เปิดเผยก่อนหน้านี้อาจจะมีความจริงและไม่จริงอยู่ลองพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนนะ

เริ่มต้นที่รูปร่างและดีไซน์

การออกแบบหน้าจอที่เปลี่ยนแปลงทั้งหมด : Apple Watch Series 3 ถือว่าเป็นหน้าจอที่มีดีไซน์ที่เน้นความเหลี่ยมสันอยู่อาจจะมองว่าเป็นดีไซน์เก่าไปแล้ว การเปลี่ยนมาที่รุ่น Series 8 นั้นได้รับการเปลี่ยนแปลงที่ต่างจากเดิมมาก โดยเฉพาะขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่าเดิม 50% ถือว่ามากและยังมีขอบโค้งมนที่สั่งงานได้ถนัดและง่ายมากกว่า

บอดี้ด้านข้างที่แข็งแรงและและดูดีมีสไตล์ : ในรุ่น Series 3 นั้นเลือกใช้เคสด้านข้างแบบ อะลูมิเนียมเพียงอย่างเดียวที่ดูจะเป็นส่วนที่แข็งแรงที่สุดของเครื่อง แต่จะดีกว่าไหมถ้ารุ่นใหม่นี้จะมีทั้งกระจกด้านหน้าแบบ Ion-X และบอดี้ให้เลือกหลากหลายตั้งแต่ อลูมิเนียม, stainless steel, และแพงสุดกับ titanium แถมกระจกด้านหน้าแบบ Sapphire ที่แข็งแรงกว่าเดิม รับรองว่าคุณต้องหันมามองรุ่นใหม่แบบไม่ต้องสงสัย

ตัวเลือกขนาดใหญ่ขึ้น: ในรุ่น Series 3 จะมาพร้อมกับขนาด 38 มิลลิเมตร และ 42 มิลลิเมตร ถือว่าขนาดของหน้าจอนั้นไม่ได้ใหญ่เท่าไหร่ แต่เมื่อเทียบกับรุ่นใหม่อย่าง Series 7 ที่ทุกวันนี้มีให้เลือกทั้งขนาด 41 – 44 มิลลิเมตร ถือว่าใหญ่กว่ารุ่นเดิม ทำให้คุณจะได้รับประโยชน์จากรุ่นใหม่คือจอใหญ่ขึ้นกว่าเดิม

prosser-series-8-5_1

Digital Crown ใหม่พร้อมการตอบสนองแบบสัมผัส: Apple Watch ทุกรุ่นที่ผ่านมาจะมีจุดเด่นที่การสั่งงานผ่าน Digital Crown ที่แม่นยำและเป็นอีกจุดหลักที่ใช้งานได้สะดวกกว่าคู่แข่ง แต่เมื่อรุ่นให้นั้นจะมีการเปลี่ยนให้ Digital Crown จะมี Haptic Engine ให้สั่งงานได้เมื่อมีการหมุดและกดสั่งงานได้สะดวกและและรวดเร็วมากขึ้น

ลำโพงที่ออกแบบใหม่พร้อมลำโพงที่ดังขึ้น: ใน Apple Watch ในรุ่นที่ผ่านมารวมถึง Series 3 นั้นจะมีลำโพงขนาดเล็กอยู่ทางขวามือถือทำให้การการใช้งานนั้นได้ยินเสียงไม่ชัดเท่าไหร่ แต่รุ่น Series 7 เป็นต้นมาจะมีการขยายเป็นกว่ากว่าเดิม 50% เรียกว่ารุ่นใหม่จะมีเสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิม และแน่นอนว่าเสียงที่คุณได้ดังขึ้นจนใช้งานได้มากกว่ารุ่นก่อนหน้านี้

จอแสดงผลแบบเปิดตลอดเวลาที่สว่างกว่าเดิม: เมื่อ Apple Watch หน้าจอใหญ่ขึ้นแล้วการอัปเกรดสำคัญในรุ่นใหม่นี้คือ ฟีเจอร์ Always On Display ที่สามารถแสดงผลข้อมูลได้แม้ว่าจะไม่กดเปิดหน้าจอในการใช้งานอยู่ และรุ่นใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวนอกจากฟีเจอร์ดังกล่าวแล้ว จะมีการเพิ่มความสว่างได้ 70% เมื่ออยู่ภายนอก การได้ฟีเจอร์ดังกล่าวจะช่วยให้ดูข้อมูลสะดวกขึ้นและประหยัดไฟกว่าเดิม

คุณสมบัติด้านสุขภาพและฟิตเนสใหม่

เซ็นเซอร์การวัดค่าออกซิเจนในเลือด: ฟีเจอร์ที่สำคัญอีกเรื่องคือการวัดระดับ Oxygen ในเลือด ที่ไม่ต้องทำให้คุณต้องเดินทางไปที่คลินิกในการวัดชีพจรให้ลำบาก อีกต่อไป โดยฟีเจอร์ดังกล่าวเริ่มใช้ตั้งแต่ Apple Watch Series 6 ที่สามารถวัดระดับ Oxygen ในเลือดได้ทุก 15 วินาที

apple-watch-series-7-titanium

เตือนการล้ม หากคุณล้มลงอย่างรุนแรง: นอกจากฟีเจอร์วัดระดับ Oxygen ในเลือดแล้วยังมีฟีเจอร์สำคัญอีกสิ่งที่โดดเด่นคือ Fall Detection หรือฟีเจอร์จับเรื่องการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติเช่นการล้ม โดยฟีเจอร์นี้มีในรุ่นใหม่ โดยจะสามารถแจ้งเตือนผ่าน นาฬิกาบอกว่าคุณประสบอุบัติเหตุอะไร และยังได้รับการช่วยเหลือหรือไม่ โดยฟีเจอร์นี้จะทำงานผู้ที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไป

เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจที่ได้รับการปรับปรุง: ใน Apple Watch รุ่นที่ใหม่ขึ้นจะมีฟีเจอร์วัดชีพจรที่ล้ำหน้ากว่าเดิม เช่นการติดตั้งระบบการระบบ Electro Heart Sensor ที่ใหม่กว่าและแม่นยำขึ้น และรุ่นใหม่อย่าง Series 8 จะมีการปรับให้อ่านค่าหัวใจได้ดีมากขึ้น

เซ็นเซอร์วัดไข้: ฟีเจอร์ที่จะพูดต่อไปนี้อาจจะทำให้คุณนึกถึงหนังแนววิทยาศาสตร์ Sci-Fi สักหน่อย แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่ Apple Watch Series 8 จะติดตั้งระบบวัดอุณหภูมิร่างกายได้ โดยสามารถตรวจจับการวัดความร้อนของคุณว่าเป็นไข้หรือไม่  และยังสามารถเก็บข้อมูลเพื่อใช้ทางการแพทย์ได้

ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่ข้อมือของคุณ: และมาถึงฟีเจอร์หนึ่งที่สำคัญคือการวัดคลื่นหัวใจไฟฟ้าหรือ ECG ที่สามารถวัดจาก Apple Watch ได้โดยตรง โดยไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาลแค่แตะนิ้วที่ Digital Crown เท่านั้น และผลจะแสดงผลไปใน Application Health บน iPhone เพื่อใช้ทางการแพทย์ได้ด้วย

apple-watch-series-8

ประสิทธิภาพและอายุการใช้งานแบตเตอรี่

โปรเซสเซอร์ใหม่และประสิทธิภาพที่เร็วขึ้น: ของใหม่ย่อยดีกว่าของเก่าเป็นเรื่องธรรมดา เพราะถ้ามองถึงการประมวลผลจาก Apple Watch Series 3 ที่ใช้ชิป S3 SiP แบบ Dual Core เมื่อจอรุ่นใหม่ว่าอย่าง Series 7 และ Series 8 ที่กำลังจะตามมาก็จะทำให้การทำงานดีขึ้นและยังสามารถใช้งานได้นานขึ้นอีกด้วย

การเชื่อมต่อ Bluetooth ที่รวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น: ถ้าคิดว่าชิปประมวลผลเร็วแล้ว การเชื่อมต่อของ Apple Watch Series 3 ที่ใช้ Bluetooth เวอร์ชั่น 4.2 ที่เก่ากว่ารุ่นใหม่ที่ใช้เวอร์ชั่น 5 ที่ทำให้การทำงานน่าเชื่อถือกว่า และยังรองรับการทำงานไร้สายได้มากขึ้นกว่ารุ่นเดิม

ชิป U1: เรื่องหนึ่งต้องรู้ไว้ว่า Apple Watch Series 3 ไม่ได้รองรับการทำงาน Ultra Wideband เพราะไม่มีชิป U1 นั่นเอง ดังนั้นการทำงานของกับอุปกรณ์ที่ใช้คลื่นความถี่กว้างนั้นจะต้องใช้กับ Apple Watch Series 6 และรุ่นใหม่กว่าเท่านั้น

อายุการใช้งานแบตเตอรี่เท่ากันตลอดวัน พร้อมการชาร์จอย่างรวดเร็ว: บนเว็บไซต์ Apple ให้คำมั่นสัญญาว่าจะใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานตลอดวันและมากถึง 18 ชั่วโมงเท่ากันสำหรับ Series 3 เมื่อเทียบกับ Series 7 ล่าสุด และเราถือว่า Series 8 ก็อาจจะใช้งานได้นานกว่านั้น

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากภาพรวมของ Apple Watch Series 3 ที่ออกมานานแล้ว นอกจากแบตเตอรี่ใช้ได้สั้นกว่าเดิม อาจจะมีเรื่องหนึ่งที่จะคนที่ใช้รุ่น Series 3 อาจจะต้อง Apple Watch รุ่นใหม่กว่านั่นคือการรองรับการชาร์จไฟอย่างรวดเร็ว คุณจึงสามารถชาร์จนาฬิกาได้เร็วยิ่งขึ้น แม้ว่าจะใช้งานได้ไม่นานเท่าที่คุณต้องการ

apple-watch-pink

อัพเดตซอฟต์แวร์

แน่นอนว่ามันถึงตอนจบของ Series 3  ด้วย watchOS 9 ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ Series 3 จะไม่ได้รับการสนับสนุนโดย watchOS เวอร์ชันล่าสุดอีกต่อไป ซึ่งหมายความว่าจะไม่ได้รับคุณลักษณะและความสามารถใหม่ ซีรีส์ 3 จะยังคงได้รับการอัปเดตความปลอดภัยต่อไป อย่างไรก็ตาม ในอีกระยะหนึ่ง

และอีกเรื่องต้องทำใจคือ ในการอัปเดต WatchOS 9 จะไม่รองรับให้ Apple Watch Series 3 อัปเดตได้อีกต่อไป ฉะนั้นอแล้ว ถ้าคุณอยากใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ ให้ครบและรวมถึง Patch ความปลอดภัย ก็ควรจะเปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่ ก็เป็นคำตอบที่ดี

นอกจากนี้ในรุ่นที่คุณต้องรู้ที่แตกต่างจากเดิมจนอาจจะต้องคิดว่าจะเปลี่ยนนั่นคือ

  • รุ่นใหม่จะได้ความจำมากถึง 32GB ขณะที่ Series 3 ให้คุณแค่ 8GB
  • รองรับฟีเจอร์การบอกความสูง หรือ Altimeter เหมาะกับการปีนเขา
  • รองรับฟีเจอร์ Family Setup ตั้งค่า Smart Watch ให้กับครอบครัวของคุณ
  • สามารถเลือกได้ทั้งรุ่น GPS และ GPS + Cellular ได้

ข้อมูล :www.macrumors.com

SHARE
คนเล่าเรื่องไอที ที่เชื่อว่าการได้เดินทางและการพบปะพูดคุยกับผู้คนในสายงานต่าง ที่ไม่คุ้นเคยคือกำไรชีวิต...หลงไหลในการเดินทางเป็นชีวิตจิตใจ ตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อได้เจอเจ้าหน้าที่ ตม.
RELATED POSTS
OnePlus 7T Pro เวอร์ชั่น 5G อาจจะเปิดตัวในระดับโลก ภายหลังจากปีนี้
ทวิตเตอร์ เปิดตัว “Fleets” ฟีเจอร์ใหม่สร้างสีสันให้กับบทสนทนา
เปิดตัว realme XT เริ่มต้นเพียง 2,999 บาท !! สมาร์ตโฟนกล้องหลัง 4 ตัว กับความละเอียด 64 ล้านพิกเซล

Leave Your Reply

*