![](https://www.techhausth.com/wp-content/uploads/2023/02/Apple-Responds-to-Yet-Anoth-807x454.jpg)
อย่างที่เรารู้กันเป็นอย่างดีว่าหนึ่งในฟีเจอร์ของ iPhone 14 ที่ถือเป็นไฮไลท์เด็ดสำหรับรุ่นนี้คือระบบ Crash Detetcion ที่จะตรวจจับว่าผู้ใช้งานประสบอุบัติเหตุรถชนหรือไม่
หากมันตรวจจับการชนก็จะช่วยโทรติดต่อเจ้าหน้าที่ 911 เพื่อให้มาช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ อย่างไรก็ตามดูเหมือนระบบ Crash Detetcion จะยังเจอข้อผิดพลาดอยู่บ่อยครั้ง
เมื่อมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ 911 ได้รับสายที่โทรจาก iPhone 14 อัตโนมัติในระหว่างที่นักเล่นสกีหรือนักสโนว์บอร์ดกำลังเกลือกกลิ้งให้กลายเป็นอุบัติเหตุรถชน
Crash Detection เปิดตัวเมื่อปีที่แล้วสำหรับ iPhone 14 ทุกรุ่นและ Apple Watch รุ่นล่าสุด รวมถึง Series 8, Ultra และ SE รุ่นที่สอง คุณลักษณะนี้ออกแบบมาเพื่อตรวจจับรถชนอย่างรุนแรงและโทรหาบริการฉุกเฉิน (911) โดยอัตโนมัติ หากผู้ใช้ไม่ตอบสนองต่ออุปกรณ์ภายใน 20 วินาที
รายงานจาก The New York Times วันนี้รายงานว่าระบบ Crash Detetcion ได้ทำการโทรติดต่อเจ้าหน้าที่ 911 ว่ามีอุบัติเกิดขึ้น ณ Summit County เมืองโคโลราโด ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งสกีรีสอร์ตหลายแห่งที่
ทั้งนี้มีรายงานจากผู้ดูและและเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าระบบ Crash Detetcion ได้ทำการโทรติดต่อเจ้าหน้าที่ 911 เข้ามาอย่างต่อเนื่องทั้งที่ไม่มีอุบัติเหตุร้ายแรง มันเป็นเป็นเพียงการล้มของนักเล่นสกีหรือนักสโนว์บอร์ด
“มาร์ค วัตสัน” จ่าประจำสำนักงานนายอำเภอท้องถิ่น กล่าวว่า สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อความการรับทราบข้อมูลของของเขาในการปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพเพราะต้องใช้เวลาในการตรวจสอบและการแจ้งมีมากเกินไป
ทั้งนี้ทางโฆษกของ Apple กล่าวว่าบริษัท “เราตระหนักดีว่าในบางสถานการณ์ คุณลักษณะเหล่านี้ได้เรียกใช้บริการฉุกเฉินเมื่อผู้ใช้ไม่ได้ประสบกับอุบัติเหตุรถชนอย่างรุนแรงหรือการล้มอย่างแรง” โฆษกระบุว่า Apple ได้เพิ่มประสิทธิภาพการตรวจจับการชนกับ iOS 16.1.2 และ watchOS 9.2 เมื่อปีที่แล้ว เพื่อลดจำนวนการโทรที่ผิดพลาด และกล่าวว่าคุณลักษณะนี้ “มีส่วนช่วยในการช่วยชีวิตหลายคนแล้ว”
รายงานระบุว่า Apple ได้ส่งตัวแทน 4 คนไปที่ศูนย์บริการทางโทรศัพท์ของ Summit County เพื่อสังเกตการณ์เป็นเวลาหนึ่งวัน
สำหรับหลักการทำงานของระบบ Crash Detetcion คือเมื่อระบบตรวจพบการชนอย่างรุนแรง iPhone หรือ Apple Watch จะแสดงการแจ้งเตือน ซึ่งผู้ใช้มีเวลา 10 วินาทีในการดำเนินการ หากผู้ใช้ไม่ตอบสนอง อุปกรณ์จะเริ่มนับถอยหลังอีก 10 วินาทีพร้อมกับส่งเสียงเตือนและสั่นหรือแตะอย่างรุนแรง จากนั้นโทรหาบริการฉุกเฉินหากผู้ใช้ยังไม่ตอบสนอง แต่เนื่องจากนักเล่นสกีมักจะสวมเสื้อตัวนอกหนา บางคนจึงไม่รู้ตัวเมื่อมีการเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ จนทำให้เกิดปัญหาขึ้นอย่างที่เป็นในตอนนี้
Apple กล่าวว่าคุณสมบัตินี้อาศัยเซ็นเซอร์เช่นมาตรวัดความเร่งและไจโรสโคปใน iPhone และ Apple Watch พร้อมกับ “อัลกอริทึมการเคลื่อนไหวขั้นสูงที่ออกแบบโดย Apple ซึ่งได้รับการฝึกฝนด้วยข้อมูลการขับขี่และบันทึกการชนในโลกแห่งความเป็นจริงกว่าล้านชั่วโมง” เพื่อความแม่นยำที่เพิ่มขึ้น
ที่มา – Macrumors.com
เรียบเรียงบทความโดย : Techhausth.com