Xiaomi 13 Series “co-engineered with Leica” เปิดตัวเป็นทางการในตลาดต่างประเทศ พร้อมด้วย AIoT สุดพรีเมียมรุ่นใหม่มากมาย

เป็นครั้งแรกที่ผู้ใช้งานทั่วโลกจะได้สัมผัสประสบการณ์การใช้กล้องระดับมืออาชีพจาก Leica บนสมาร์ทโฟนเรือธงของเสียวหมี่จาก Xiaomi 13 Series พร้อมพบนิยามใหม่ของความบันเทิงและการใช้ชีวิตอย่างชาญฉลาดสำหรับทุกคนจากผลิตภัณฑ์ AIoT รุ่นใหม่ Xiaomi Buds 4 Pro, Xiaomi Watch S1 Pro และ Xiaomi Electric Scooter 4 Pro

เสียวหมี่ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นล่าสุด – Xiaomi 13 Series – สู่ตลาดต่างประเทศ ณ งานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ ที่เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน ด้วยความร่วมมือด้านผลิตภัณฑ์เชิงลึกระหว่างเสียวหมี่ และ Leica ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในด้านเทคโนโลยีการถ่ายภาพใน Xiaomi 13 และ Xiaomi 13 Pro ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อมอบประสบการณ์การถ่ายภาพด้วยสมาร์ทโฟนใหม่ล่าสุดแก่ผู้ใช้งานทั่วโลก

สมาร์ทโฟนเรือธงทั้งสองรุ่นนี้ที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างสูงนั้นได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมร่วมกับ Leica โดยมาพร้อมเลนส์ออปติคัลระดับมืออาชีพของ Leica รวมไปถึงความสามารถในการคำนวณขั้นสูงและซอฟต์แวร์มากมายเพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานจาก Leica อย่างแท้จริง ทั้งยังมีคุณสมบัติระดับพรีเมียมอื่นๆ ได้แก่ การใช้ชิปเซ็ต Snapdragon® 8 Gen 2 ใหม่ล่าสุด และระบบจัดการแบตเตอรี่ Xiaomi Surge เพื่อให้คุณมั่นใจในประสิทธิภาพอันทรงพลังในทุกๆ ด้านอีกด้วย

“ผมประทับใจใน Xiaomi 13 Series เป็นอย่างมาก สมาร์ทโฟนรุ่นนี้ถือเป็นรุ่นที่จะมาพลิกเกมอย่างแท้จริงสำหรับผม” กล่าวโดย มร. สตีฟ แมคเคอรรี่ (Steve McCURRY) ช่างภาพชื่อดังระดับโลกที่ได้รับรางวัล International Photography Hall of Fame ผู้ได้รับรางวัล Leica Hall of Fame Award คนแรก และรางวัลแอมบาสเดอร์ของ Leica เขากล่าวในขณะที่เขาแสดงความตื่นเต้นเกี่ยวกับการเปิดตัว Xiaomi 13 Series

การถ่ายภาพระดับปรมาจารย์ด้วยระบบกล้องที่ร่วมออกแบบโดย Leica

ในทุกมิติของระบบกล้องของ Xiaomi 13 และ Xiaomi 13 Pro ตั้งแต่ฮาร์ดแวร์และคุณภาพของภาพไปจนถึงการออกแบบ UI/UX ได้ถูกสร้างขึ้นโดยความร่วมมือกับ Leica เพื่อมอบประสบการณ์การถ่ายภาพด้วยสมาร์ทโฟนระดับมืออาชีพ สมาร์ทโฟนทั้งสองมาพร้อมกับกล้องสามตัวพร้อมเลนส์ออปติคัลจาก Leica

ระบบกล้อง Leica Vario-Summicron 1:19-2.2/14-75 ASPH ใน Xiaomi 13 Pro ครอบคลุมทางยาวโฟกัสตั้งแต่ 14 มม. ถึง 75 มม. โดยประกอบไปด้วยกล้องเลนส์ไวด์ 23 มม. พร้อมเซ็นเซอร์ IMX989 ขนาดใหญ่พิเศษ 1 นิ้ว กล้องเทเลโฟโต้ลอยตัว 75 มม. และเลนส์อัลตร้าไวด์ 14 มม. เซ็นเซอร์ IMX989 ที่ถูกใช้ครั้งแรกใน Xiaomi 12S Ultra เป็นเซ็นเซอร์ที่ใหญ่ที่สุดที่เคยมีมาในสมาร์ทโฟน ด้วยช่วงไดนามิกที่สูงทำให้สามารถเก็บแสงได้อย่างยอดเยี่ยมและยังตอบสนองรวดเร็ว เซ็นเซอร์ขนาดใหญ่นี้ทำให้ได้ภาพที่มีสีสันพร้อมคอนทราสต์ที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดและเก็บทุกรายละเอียดของทุกพื้นผิวได้อย่างไม่มีที่ติ นอกจากนี้การใช้เทคโนโลยีการโฟกัสภาพในระดับ DSLR ทำให้เลนส์เทเลโฟโต้ขนาด 75 มม. นั้นใช้ประโยชน์จากการออกแบบเลนส์แบบลอยตัว (a floating lens design) เพื่อให้ได้ช่วงโฟกัสตั้งแต่ 10 ซม. ถึงระยะอินฟินิตี้ ซึ่งสมบูรณ์แบบสำหรับการจัดเฟรมภาพบุคคลที่สวยงามและภาพถ่ายระยะใกล้อันยอดเยี่ยม

ในขณะเดียวกัน Xiaomi 13 มาพร้อมช่วงซูมออปติคอล 0.6x ถึง 3.2x และยังมีเลนส์เทเลโฟโต้ 75 มม. ซึ่ง Xiaomi 13 และ Xiaomi 13 Pro มีตัวเลือกการตั้งค่ากล้องที่มีรายละเอียดมากมายเพื่อสร้างความประทับใจให้กับทั้งช่างภาพมือสมัครเล่นและช่างภาพมืออาชีพ ระบบเลนส์หลักซึ่งเป็นคุณสมบัติของซอฟต์แวร์มอบทางยาวโฟกัสและระยะชัดลึกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการถ่ายภาพบุคคลที่สมบูรณ์แบบ ผู้ใช้ยังสามารถเลือกสไตล์การถ่ายภาพที่แตกต่างกันได้ 2 แบบ ได้แก่ Leica Authentic Look และ Leica Vibrant Look โดยจะมอบความงดงามของภาพที่ยอดเยี่ยมไว้ด้วยความแม่นยำและมีความอิ่มตัวของสีในระดับที่เหมาะสม นอกจากนี้สมาร์ทโฟนนี้ยังนำ UI ที่น่าสนใจและใช้งานง่ายมาพร้อมกับฟีเจอร์สนุกๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ลายน้ำของ Leica เสียงชัตเตอร์คลาสสิกของ Leica และฟิลเตอร์ของ Leica เพิ่มเข้ามาอีกด้วย

Xiaomi 13 Pro และ Xiaomi 13 มาพร้อม Xiaomi Imaging Engine ทำให้มีความสามารถในการถ่ายภาพที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสมาร์ทโฟนเรือธงทั้งหมดของเสียวหมี่ ไม่เพียงแค่เพิ่มความเร็วในการถ่ายภาพเท่านั้น แต่ยังสามารถโฟกัสวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหวได้โดยอัตโนมัติด้วย Xiaomi ProFocus อีกด้วย

สมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นให้คุณสามารถปรับพารามิเตอร์การถ่ายภาพได้ด้วยตนเองในโหมดโปร ในขณะที่ Xiaomi 13 Pro รองรับกล้อง RAW DNG 10 บิต (10-Bit RAW DNG) และโปรไฟล์สี (Color Profiles) ที่สร้างโดย Adobe เพื่อรองรับ Adobe Photoshop และ Adobe Lightroom

Xiaomi 13 และ Xiaomi 13 Pro ยังเก่งในด้านการถ่ายวิดีโออีกด้วย โดยมาพร้อมเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักถ่ายวิดีโอระดับมืออาชีพ อุปกรณ์ทั้งสองช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้ “Create in Dolby Vision®” เพื่อสีสันที่สวยสดสมจริง, คอนทราสต์ที่คมชัด และรายละเอียดที่สมบูรณ์ ถ่ายวิดีโอ 4K Ultra Night และนำเสนอระบบป้องกันภาพสั่นไหวด้วย HyperOIS สำหรับการจับภาพวิดีโอคุณภาพเยี่ยม

ความเร็วผสานเข้ากับประสิทธิภาพอันน่าทึ่งด้วย Snapdragon®️ 8 Gen 2 และ Xiaomi Surge

ทั้ง Xiaomi 13 และ Xiaomi 13 Pro ขับเคลื่อนโดยชิปเซ็ตชั้นนำ Snapdragon®️ 8 Gen 2 พร้อมการประมวลผลกราฟิกที่ได้รับการปรับปรุงผ่านประสิทธิภาพของ GPU และการปรับปรุงประสิทธิภาพพลังงานที่ดีขึ้น 42% และ 49% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ในขณะที่ประสิทธิภาพและพลังงานของ CPU ประสิทธิภาพดีขึ้น 37% และ 47% ตามลำดับ1เช่นกัน ประสิทธิภาพที่ทรงพลังนี้การันตีความสามารถในการจัดการกับงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การถ่ายภาพ, AI แบบเรียลไทม์ และการเล่นเกม ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับใช้ได้ทั้งได้อย่างมั่นใจ

อุปกรณ์นี้ยังรองรับ Wi-Fi 7 พร้อมระบบเชื่อมต่อมือถือ Qualcomm® FastConnect™ 7800 Xiaomi 13 Pro มาพร้อมเทคโนโลยี Multi-Link High Band Simultaneous (HBS) ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อ 5GHz และ/หรือ 6GHz ได้หลายรูปแบบพร้อมกัน และสามารถรองรับความเร็วสูงสุดได้ถึง 5.8Gbps ทั้งยังลดทอนความล่าช้าและเพิ่มประสิทธิภาพของเครือข่ายที่ดีขึ้น2 ในขณะที่ Xiaomi 13 มาพร้อม เทคโนโลยี Dual Band Simultaneous (DBS) Multi-Link และสามารถรองรับความเร็วสูงสุดได้ถึง 3.6Gbps2

Xiaomi 13 และ Xiaomi 13 Pro มาพร้อมกับระบบการจัดการแบตเตอรี่ Xiaomi Surge ซึ่งใช้ชิปการชาร์จ Surge ที่พัฒนาขึ้นเองของเสียวหมี่เพื่ออายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้นและประสบการณ์ที่ดีขึ้นอีกระดับ Xiaomi 13 มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 4,500mAh ที่มีความหนาแน่นของพลังงานสูงที่สุดภายใต้กำลังไฟเดียวกันทำให้คุณสามารถใช้งานได้ตลอดวัน นอกจากนี้ยังรองรับเทอร์โบชาร์จแบบมีสาย 67W และเทอร์โบชาร์จไร้สาย 50W ในขณะเดียวที่ Xiaomi 13 Pro ใช้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4,820mAh พร้อมระบบ HyperCharge 120W ซึ่งสามารถชาร์จเต็ม 100% ได้ในเวลาเพียง 19 นาที3 เท่านั้น

สมาร์ทโฟนเรือธงที่มาพร้อมดีไซน์มินิมอลสุดพรีเมียมและจอแสดงผลที่ดีที่สุดในรุ่น

ทั้ง Xiaomi 13 และ Xiaomi 13 Pro ได้รับการออกแบบใหม่ให้มีความเรียบง่ายโดยเน้นความสามารถทางเทคโนโลยีอันทรงพลัง

Xiaomi 13 มีสีสุดคลาสสิกและดึงดูดใจให้เลือก ได้แก่ Black, White และ Flora Green มาพร้อมดีไซน์จอแบบ flat ที่มีสไตล์พร้อมขอบแบน และดีไซน์ด้านหลังโค้งแบบ 2.5 มิติ Xiaomi 13 นั้นถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มสัมผัสที่กระชับมือและน่าประทับใจ โดยมาพร้อมอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 93.3% และขอบจอบางเฉียบเพียง 1.61 มม.4 จึงมอบประสบการณ์การรับชมที่สมจริงไม่เป็นรองใครสำหรับอุปกรณ์ในขนาดเท่านี้ Xiaomi 13 มาพร้อมหน้าจอแสดงผล AMOLED FHD+ ขนาด 6.36 นิ้ว และใช้วัสดุ E6 AMOLED แบบใหม่เพื่อให้ภาพที่สว่างและสีที่แม่นยำยิ่งขึ้นด้วยการใช้พลังงานที่น้อยลง

Xiaomi 13 Pro ได้รับการออกแบบตัวเครื่องด้วยเซรามิกโค้งมน 3 มิติเพื่อให้ดูสม่ำเสมอตลอดทั้งอุปกรณ์ไปจนถึงตัวกล้อง Xiaomi 13 Pro มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Ceramic Black และ Ceramic White ให้ความรู้สึกดีเยี่ยมเมื่อใช้งาน ตัวอุปกรณ์มาพร้อมหน้าจอแสดงผล 120Hz WQHD+ AMOLED ขนาดใหญ่ 6.73 นิ้ว และด้วยการใช้วัสดุ E6 แบบเดียวกัน ทำให้ตัวอุปกรณ์สามารถให้ความสว่างเต็มหน้าจอ 1,200 nits และให้ความสว่างสูงสุด 1,900 nits รวมทั้งยังสามารถแสดงสีที่แม่นยำด้วย TrueColor ด้วย Dolby Vision®, HDR10+, HDR10, HLG รวมถึง Dolby Atmos® ได้อีกด้วย ทำให้คุณได้ดื่มด่ำไปกับประสบการณ์ภาพและเสียงได้อย่างเต็มที่

สมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นมาพร้อมการป้องกันฝุ่นและน้ำระดับ IP685 เพื่อการป้องกันที่ดีที่สุดและให้คุณใช้งานได้อย่างไร้กังวล

เสียวหมี่เปิดตัว AIoT สุดพรีเมียมรุ่นใหม่ล่าสุด Xiaomi Buds 4 Pro, Xiaomi Watch S1 Pro และ Xiaomi Electric Scooter 4 Pro

เสียวหมี่พร้อมมอบประสบการณ์แห่งความบันเทิงและเปลี่ยนวิธีการที่จะทำให้ผู้คนมีส่วนร่วมกับเทคโนโลยีมากขึ้น ด้วยผลิตภัณฑ์ AIoT ที่โดดเด่น

Xiaomi Buds 4 Pro: ระบบเสียงที่มีมิติทุกทิศทาง

ด้วยคุณสมบัติ TWS ที่ได้รับการอัปเกรดและการออกแบบที่สวยงาม Xiaomi Buds 4 Pro รุ่นใหม่ล่าสุด มอบประสบการณ์การฟังที่มีความแม่นยำสูงพร้อมรายละเอียดเสียงที่น่าทึ่ง Xiaomi Buds 4 Pro ยังรวมเอาเทคโนโลยี LDAC ของ Sony ซึ่งทำให้มีอัตราการถ่ายโอนข้อมูลสูงถึง 990kbps และความลึกบิตสูงสุด 32 บิต พร้อมกับการรองรับ Hi-Res Audio Wireless6

นอกจากนี้ Xiaomi Buds 4 Pro ยังมาพร้อมการตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟอันน่าประทับใจ โดยมีความลึกสูงสุดถึง 48dB7 ซึ่งแยกผู้ใช้ออกจากเสียงรบกวนที่ไม่พึงประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยวิธีนี้ผู้ใช้สามารถมีสมาธิได้อย่างแท้จริงแม้เมื่ออยู่ใกล้ถนนที่พลุกพล่านโดยไม่มีเสียงรบกวน

Xiaomi Buds 4 Pro มาพร้อมฟีเจอร์ Dimensional audio8 ในตัวที่ตรวจจับการเคลื่อนไหวของศีรษะของผู้ใช้และปรับเสียงตามตำแหน่งในเชิงพื้นที่ เพื่อให้แน่ใจว่ารายละเอียดเสียงแต่ละรายการจะถูกจัดวางอย่างแม่นยำเพื่อให้ได้เสียงที่สมจริงที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นระบบเสียงที่มีมิติจะสร้างประสบการณ์เสียงรอบทิศทางที่น่าตื่นตาตื่นใจ ทำให้ Xiaomi Buds 4 Pro เป็นคู่หูที่สมบูรณ์แบบสำหรับคนรักการชมภาพยนตร์ที่ต้องการเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การรับชมที่เหมือนจริงได้ทุกที่ทุกเวลา

Xiaomi Buds 4 Pro ยังมีอายุแบตเตอรี่ที่น่าประทับใจ สามารถฟังต่อเนื่องสูงสุดได้ยาวนาน 9 ชั่วโมง9 ในการชาร์จหนึ่งครั้ง และสูงสุด 38 ชั่วโมงเมื่อใช้ร่วมกับเคสชาร์จ พร้อมรองรับการชาร์จแบบไร้สาย และเพื่อเพิ่มความสะดวกและประสิทธิภาพสูงสุด Xiaomi Buds 4 Pro ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสลับไปมาระหว่างอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อได้อย่างราบรื่นด้วยคุณสมบัติการเชื่อมต่อสองอุปกรณ์ในตัว10

Xiaomi Buds 4 Pro ได้รับการออกแบบที่ไม่เหมือนใครด้วยสไตล์ ‘แคปซูลอวกาศ’ (Space Capsule) ภายในเคสมีแม่เหล็กหลายตัวเพื่อช่วยยึดติดอยู่ในตำแหน่งอย่างมั่นคง แต่ผู้ใช้งานก็ยังสามารถหยิบถอดหูฟังออกจากเคสได้ด้วยมือข้างเดียวอย่างสะดวก จุกหูฟังทำจาก LSR แบบนุ่มช่วยให้แน่ใจว่าหูฟังจะอยู่กับที่ และมีสามขนาดให้เลือกสวมใส่ได้พอดี พร้อมด้วยฟีเจอร์ใหม่ “Intelligent Fit Monitoring” ช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาขนาดที่พอดีที่สุดกับตัวเองพร้อมความสบายสูงสุดในการฟังเพลงได้ยาวนานหลายชั่วโมง Xiaomi Buds 4 Pro ใหม่ยังมีให้เลือกสองสี ได้แก่ Star Gold และ Space Black เพื่อให้ดูพรีเมียมอย่างแท้จริง

Xiaomi Buds 4 Pro ทำให้ผู้ใช้สามารถปรับการตั้งค่าเสียงผ่านแอพ Xiaomi Earbuds โดยเฉพาะได้เป็นครั้งแรก แอปนี้ให้คุณเข้าถึงฟีเจอร์ใหม่ๆ มากมาย เช่น โหมด ANC, โหมดฟังเสียงภายนอก (Transparency Mode), ระบบเสียงที่มีมิติในตัว8 (built-in dimensional audio) และการเชื่อมต่ออุปกรณ์แบบคู่10 (dual-device connectivity) เพื่อให้ผู้ใช้งานได้เลือกการใช้งานได้ตามความชอบ พร้อมให้ดาวน์โหลดแอปได้ทาง Google Play Store ทำให้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งประสบการณ์การฟังของตัวเองได้อย่างเต็มที่

Xiaomi Watch S1 Pro: การออกกำลังกายที่ผสมผสานความคลาสสิคได้อย่างลงตัว

Xiaomi Watch S1 Pro สามารถผสานการออกแบบอันคลาสสิกและเทคโนโลยีที่ทันสมัยของสมาร์ทวอทช์ที่ให้เข้ากันได้อย่างลงตัว สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันโดยใช้วัสดุระดับพรีเมียมที่มีความทนทานและมีสไตล์ ตัวอุปกรณ์มาพร้อมหน้าจอแสดงผล AMOLED ขนาด 1.47 นิ้ว, ปุ่มการปรับ (rotatable crown) และกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ที่ป้องกันรอยขีดข่วนเพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน

Xiaomi Watch S1 Pro มีสองสีให้เลือก ตัวเรือนสีเงินมาพร้อมสายหนังสีน้ำตาล (a silver case with a brown leather strap) และตัวเรือนสีดำมาพร้อมสายยางฟลูออโรสีดำ (a black case with a black fluororubber strap) นอกจากนี้ยังมีหน้าปัดนาฬิกาให้เลือกมากกว่า 100 แบบ โดยสามารถปรับแต่งให้เข้ากับความสวยงามได้หลากหลายรูปแบบ ยิ่งไปกว่านั้นตัวอุปกรณ์ยังมาพร้อมเข็มนาฬิกาที่เป็นสากลที่ช่วยให้คุณสามารถเปลี่ยนสายได้อย่างง่ายได้มากยิ่งขึ้น

Xiaomi Watch S1 Pro ผสานเอาการออกแบบ UI ที่ครบวงจรและแอนิเมชั่นที่ปรับแต่งแล้วเข้ามาช่วยเพิ่มความสวยงามของอินเทอร์เฟซและความลื่นไหลของหน้าจอเพื่อมอบประสบการณ์อันดีเยี่ยมให้ผู้ใช้งานขึ้นไปอีกขั้น ตัวอุปกรณ์ที่ถูกออกแบบให้เป็นมิตรต่อการใช้งานนี้ยังมาพร้อมการซิงโครไนซ์ขั้นสูง เพื่อลดเวลาความล่าช้าในการแจ้งเตือนระหว่างอุปกรณ์ โดยทำให้การจับคู่ง่ายยิ่งขึ้น Xiaomi Watch S1 Pro มาพร้อมกับฟังก์ชันการจับคู่แบบป๊อปอัปที่ใช้งานได้แบบเอ็กคลูซีฟกับสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่

Xiaomi Watch S1 Pro ช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดตามข้อมูลแบบเรียลไทม์ในกิจกรรมกีฬามากกว่า 100 รายการ สำหรับนักวิ่งมีโปรแกรมการวิ่งกว่า 10 ประเภท ที่ถูกติดตั้งมาในอุปกรณ์เพื่อตอบสนองความต้องการด้านการออกกำลังกายต่างๆ ของคุณ และยังรวมไปถึงคอมโบการวิ่งหรือเดินสำหรับผู้เริ่มต้นออกกำลัง หรือการฝึกที่เน้นการเผาผลาญไขมันหรือความทนทาน และแม้แต่การฝึกเป็นระยะๆ เพื่อเสริมสร้างสุขภาพของหัวใจและปอด

นอกจากนี้ยังมีชุดข้อมูลการออกกำลังกายและฟังก์ชันการติดตามสุขภาพ ซึ่งครอบคลุมการติดตามการเผาผลาญแคลอรี่ ความหนักของการออกกำลังกาย การติดตามการนอนหลับ อัตราการเต้นของหัวใจ และการติดตาม SpO₂ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบสภาวะสุขภาพประจำวันได้อย่างง่ายดาย13 อีกด้วย

เพื่อการใช้งานอันเป็นเลิศ Xiaomi Watch S1 Pro มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานถึง 14 วัน และเมื่อทำการชาร์จเพียง 10 นาที ก็สามารถใช้งานได้ยาวนาน 2 วันในการใช้งานทั่วไป14 ตัวอุปกรณ์มาพร้อมลำโพงอันทรงพลังและอัลกอริธึม AI ที่ตัดเสียงรบกวนช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสื่อสารได้อย่างราบรื่นและชัดเจนเมื่อทำการโทรศัพท์ผ่าน Bluetooth® ของนาฬิกา นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับแท่นชาร์จไร้สายที่สะดวกสบายที่สามารถชาร์จอุปกรณ์ได้เต็ม 100% ในเวลา 85 นาที

Xiaomi Electric Scooter 4 Ultra: ขี่อย่างมั่นใจเพื่อการผจญภัย

Xiaomi Electric Scooter 4 Ultra เป็นสกู๊ตเตอร์คันแรกจากเสียวหมี่ที่มีระบบกันสะเทือนแบบคู่ (dual suspension system) โดยให้ประสบการณ์การขับขี่ที่ราบรื่นและปลอดภัยแม้ในสภาวะพื้นที่ที่ท้าทาย การเพิ่มความสูงของโครงรถร่วมกับระบบกันสะเทือนแบบคู่ขั้นสูง ผู้ขับขี่จะสามารถมองเห็นได้ดีขึ้นและทรงตัวได้ดีขึ้นแม้ในขณะที่ขับขี่บนพื้นผิวที่ไม่สม่ำเสมอ และเพื่อลดความเสี่ยงที่ยางจะระเบิด Xiaomi Electric Scooter 4 Ultra จึงติดตั้งยาง Xiaomi DuraGel ขนาด 10 นิ้วมาเพื่อป้องกันการเจาะและการรั่วซึมของยาง เพื่อรับประกันความปลอดภัยของผู้ใช้และปรับปรุงประสบการณ์การขับขี่ของผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น

Xiaomi Electric Scooter 4 Ultra ได้รับการออกแบบให้มีคุณสมบัติที่น่าประทับใจและได้รับการอัปเกรด ทำให้สามารถเร่งความเร็วได้สูงสุด 25 กม./ชม.16 และสามารถปีนทางลาดที่มีความลาดเอียง 25% ได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ยังมาพร้อมกำลังมอเตอร์เกียร์สูงสุด 940W17 และแบตเตอรี่ที่มีอายุการใช้งานยาวนานเป็นพิเศษทำให้ผู้ใช้สามารถเดินทางได้ไกลถึง 70 กม.18 อย่างไร้กังวล โดยโหมด S+ ตัวใหม่สามารถเร่งความเร็วได้อย่างน่าเหลือเชื่อเพื่อการขับขี่ที่สนุกสนานและน่าตื่นเต้น

ตัวอุปกรณ์ทำจากอะลูมิเนียมที่แข็งแรงแต่น้ำหนักเบาและทนทานต่อการกัดกร่อน ทั้งยังสามารถรองรับน้ำหนักสูงสุดได้ถึง 120 กก.² ตัวสกู๊ตเตอร์มีขนาด 880 ซม.² และด้ามจับที่กว้างขึ้น 490 มม. ทำให้การออกแบบโดยรวมของสกู๊ตเตอร์นั้นมีพื้นที่ยืนที่ใหญ่ขึ้นและด้ามจับที่มั่นคงยิ่งขึ้นเพื่อประสบการณ์การขี่ที่สะดวกสบายยิ่งไปกว่าเดิม Xiaomi Electric Scooter 4 Ultra ได้รับการรับรองการป้องกันน้ำและกันฝุ่น IP5519

SHARE
คนเล่าเรื่องไอที ที่เชื่อว่าการได้เดินทางและการพบปะพูดคุยกับผู้คนในสายงานต่าง ที่ไม่คุ้นเคยคือกำไรชีวิต...หลงไหลในการเดินทางเป็นชีวิตจิตใจ ตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อได้เจอเจ้าหน้าที่ ตม.
RELATED POSTS
เผยโฉม! “บัตรเครดิตเคทีซีดิจิทัล” บัตรใสสุดมินิมัล
“Galaxy SmartTag 2” ผ่านการรับรองจาก กสทช. แล้ว
SteelSeries จับมือ Blizzard เปิดตัวคอลเลกชันพิเศษฉลอง 20 ปี World of Warcraft

Leave Your Reply

*