การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่า ภายในสิ้นปี 2566 จะมีพนักงานที่มีทักษะความรู้ทั่วโลกประมาณ 39% ทำงานแบบไฮบริด (Hybrid) เพิ่มขึ้นจาก 37% ในปี 2565

remotework2-rs

รันจิต อัตวาล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัยการ์ทเนอร์ กล่าวว่า “การทำงานไฮบริดไม่ใช่แค่การเติมไฟทำงานให้แก่พนักงาน แต่ยังเป็นความคาดหวังของพนักงานอีกด้วย ในปี 2565 มีพนักงานจำนวนมากทยอยกลับไปทำงานที่ออฟฟิศ โดยที่รูปแบบการทำงานไฮบริดจะยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในปีนี้และอนาคต บริษัทนายจ้างควรปรับตัวโดยการนำนโยบายการทำงานที่เน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลาง (Human-Centric Work Design) มาปรับใช้ในองค์กร รวมถึงเพิ่มความยืดหยุ่นและการมีส่วนร่วมในงาน และมีรูปแบบการจัดการพนักงานที่ทำงานไฮบริดอย่างเข้าอกเข้าใจ”

ตัวอย่างเช่น บุคลากรไอทีมีแนวโน้มลาออกมากกว่าบุคลากรในสายงานอื่น ๆ เนื่องจากพวกเขาต้องการความยืดหยุ่นในการทำงานมากขึ้น และมีสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน (Work-Life Balance) และมองหาโอกาสในการทำงานที่ดีขึ้น โดยผู้บริหารไอที (หรือ CIOs) สามารถเพิ่มโอกาสในการรักษาและดึงดูดบุคลากรที่มีทักษะความสามารถระดับหัวกะทิได้ โดยการปรับเปลี่ยนแนวคิดใหม่เป็นการมอบคุณค่าแก่พนักงาน (Employee Value Proposition) ที่เข้าใจความเป็นมนุษย์มากขึ้น

การ์ทเนอร์ให้คำจำกัดความ พนักงานกลุ่ม Hybrid Workers คือผู้ที่เข้าทำงานในสำนักงานอย่างน้อยหนึ่งวันต่อสัปดาห์ ส่วนพนักงานกลุ่ม Fully Remote Workers เป็นกลุ่มที่ทำงานที่บ้านตลอดเวลา และพนักงานกลุ่ม On-Site Workers คือพนักงานที่เข้าทำงานในสำนักงานเต็มเวลา

คาดว่าจำนวนพนักงานที่ทำงานผ่านระยะไกล (Remote Workers) จะลดลงทุกปี การ์ทเนอร์ประมาณการณ์ว่าภายในสิ้นปี 2566 จำนวน Remote Workers จะเหลือเพียง 9% ของจำนวนพนักงานทั้งหมดทั่วโลก (ตามภาพที่ 1)

150083

ภาพที่ 1: สัดส่วนพนักงานที่มีทักษะความรู้ทั่วโลกที่ทำงานแบบ Fully Remote และ Hybrid ระหว่างปี 2564 – 2566

ตั้งแต่ปี 2562 ทุกประเทศมีสัดส่วนการทำงานแบบ Hybrid และ Fully Remote เพิ่มขึ้น โดยมีความแตกต่างกันออกไปอย่างมีนัยสำคัญในแต่ละประเทศ

remotework1-rs

เมื่อการออกแบบการทำงานที่เน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลางมาพบกับพื้นที่ทำงานเสมือนจริง (Virtual Workspaces

Human-Centric Design หรือการออกแบบการทำงานที่เน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลางต้องอาศัยหลักการ บรรทัดฐานและไอเดียใหม่ ๆ ซึ่งพื้นที่ทำงานเสมือนจริง (Virtual Workspaces) ที่ประสบความสำเร็จจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการสรรหาและว่าจ้างไปจนถึงรวบรวมทีมงานไว้ได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงที่ตั้งภูมิศาสตร์ พื้นที่ทำงานเสมือนจริงยังเป็นทางเลือกใหม่ที่ช่วยลดปัญหาในเรื่องการจัดประชุมแบบพบหน้า (รวมถึงการเดินทาง) ด้วยโซลูชั่นการประชุมเสมือนจริงที่มีอยู่ การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่าภายในปี 2568 พนักงาน 10% จะใช้พื้นที่เสมือนจริงสำหรับทำกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ การขาย การเตรียมพร้อมสำหรับพนักงานใหม่และการทำงานจากระยะไกล

คริสโตเฟอร์ ทรูแมน นักวิเคราะห์อาวุโสของการ์ทเนอร์ กล่าวว่า “สำหรับองค์กรที่ทำงานแบบไฮบริดหรือทำงานจากระยะไกลนั้นพื้นที่สำนักงานจริงอาจถูกแทนที่ด้วยพื้นที่ทำงานเสมือนจริงอย่างเต็มศักยภาพ จนกลายเป็นศูนย์รวมของวัฒนธรรมองค์กร และเป็นศูนย์กลางการทำงานที่สร้างประสบการณ์ดิจิทัลให้พนักงาน อย่างไรก็ตามพนักงานไม่ควรคาดหวังว่าจะมีส่วนร่วมในพื้นที่ทำงานเสมือนจริงตลอดทั้งวัน แต่ควรใช้พื้นที่นี้สำหรับการประชุมและการสร้างปฏิสัมพันธ์เพื่อพัฒนาศักยภาพให้กับตนเอง อาทิ การระดมไอเดียต่าง ๆ (Brainstorming) การทดสอบผลิตภัณฑ์ (Product Reviews)  หรือ การพบปะทางสังคม (Social Gatherings)”

SHARE
คนเล่าเรื่องไอที ที่เชื่อว่าการได้เดินทางและการพบปะพูดคุยกับผู้คนในสายงานต่าง ที่ไม่คุ้นเคยคือกำไรชีวิต...หลงไหลในการเดินทางเป็นชีวิตจิตใจ ตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อได้เจอเจ้าหน้าที่ ตม.
RELATED POSTS
True Gigatex Mesh WiFi ขยายสัญญาณเร็ว แรง ทั่วบ้าน เชื่อมต่อง่าย ไม่ต้องใช้สายแลน
HONOR เปิดตัว HONOR X7b 5G สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดเอาใจคนชอบกล้องเทพ แบตใหญ่กว่า! 
ทรู จับมือ แฟนต้า มอบสิทธิพิเศษสุดคุ้มในงาน “แฟนต้า เฟส! มันส์ยกกำลัง”

Leave Your Reply

*