ถึงแม้ว่าช่วงเวลานี้หลายคนอาจจะกลับมาใช้ชีวิตปกติแล้วก็ตาม แต่เชื่อเถอะว่า ทุกควันนี้คุณขาดอินเทอร์เน็ตไม่ได้ ทั้งมือถือและบ้านก็ต้องมี เช่นเดียวกับเน็ตบ้านที่หลายคนก็ยังต้องมีอยู่
แต่ถ้าอยู่ดีๆ ใช้งานแล้ว เน็ตวิ่งไม่ดี, เล่นแล้วสะดุด, ช้าบ้าง และบางทีเน็ตหลุดบ่อย ซึ่งปัญหาอินเทอร์เน็ตบ้านช้า กระตุก ไม่แรง หลุดบ่อย วิ่งไม่เต็มสปีด เกิดจากหลายสาเหตุ ทั้งจากตัวอุปกรณ์ การเชื่อมต่อ หรือปัจจัยภายนอก เราสามารถลองแก้ไขเบื้องต้นได้ดังนี้
ตรวจสอบระยะห่างระหว่างอุปกรณ์กับ Router
หากใช้งานผ่าน Wi-Fi ระยะห่างระหว่างอุปกรณ์กับ Router มีผลต่อความเร็วและเสถียรภาพของสัญญาณ แนะนำให้ใช้งานในระยะไม่เกิน 5-7 เมตร หากอยู่ไกลกว่านั้น ให้ลองย้าย Router ไปวางใกล้อุปกรณ์มากขึ้น
Package ให้ความเร็วน้อยไป
เริ่มต้นกับ Package อินเทอร์เน็ตบ้านที่ทุกวันนี้เริ่มต้นตั้งแต่ 399 บาท ได้ความเร็วตั้งแต่ 300Mbps, 500Mbps ไปจนถึง 1Gbps ก็มีหากคุณเลือก Package ถูกเกินไปและมีการใช้งานที่เยอะก็อาจจะได้ความเร็วที่ไม่เหมาะสมได้ ดังนั้นถ้าเน็ตช้าวิธีการแรกอาจจะดู Package ของคุณก่อน แต่ถ้าดูแล้วว่าเหมาะสมค่อยๆ ดูกันต่อไป
การติดตั้งไกลจุดให้สัญญาณหรือเปล่า
วิธีต่อมาในการแก้ปัญหาเน็ตบ้านช้าแบบเบื้องต้นคือการดูที่ตั้งของจุดผู้ให้บริการ หรือ Node ว่าห่างจากบ้านคุณมากน้อยแค่ไหน ข้อนี้มีผลต่อการให้ความเร็วอินเทอร์เน็ต ยิ่งไกลยิ่งดี แต่ถ้าไกลเกินไปอาจจะทำให้ความเร็วสูงไม่พอแน่นอน ดังนั้นการติดตั้งควรจะถามผู้ให้บริการโดยยึดจากที่อยู่ของบ้านคุณว่าห่างจากจุดที่ตั้งอขิงอินเทอร์เน็ตเกินไปหรือไม่
อุปกรณ์เก่าเกินไป
หากจุดที่ตั้งและ Package เหมาะสมแล้ว ทีนี้มาดูอุปกรณ์กันบ้าง บางครั้งคุณอาจจะติดตั้งอุปกรณ์ที่มาจากผู้ให้บริการมาตั้งแต่แรก แต่ถ้าใช้ไปนานๆ ก็อาจจะมี 2 เรื่องคือ ไม่ทันสมัย ไม่เหมาะกับการรองรับอุปกรณ์ของคุณ หรือ อาจจะเกิดการชำรุดภายในได้
วิธีสังเกตง่ายมากๆ ถ้าไฟของ Router ของผู้ให้บริการที่มีเครื่องหมาย PON กระพริบ = การเชื่อมต่อกับเครือข่ายไม่สมบูรณ์ หรือ LOS หรือ Loss กระพริบแสดงว่าสัญญาณภายนอกหายไป ให้ติดต่อผู้ให้บริการทันทีในการมาซ่อมหรือเปลี่ยนอุปกรณ์ให้กับคุณ
การกระจายสัญญาณไม่มากพอ
นอกจากเรื่องอุปกรณ์หลักแล้วการที่คุณใช้เน็ตบ้านมักจะต้องใช้ระบ Wi-Fi หรือ Wireless Lan ในการเชื่อมต่อ ซึ่งถ้าเป็นคอนโดหรือบ้านชั้นเดียวปัญหาสัญญาณไม่ทั่วอาจจะเกิดขึ้นได้น้อย แต่ถ้าบ้านคุณมากกว่า 1 ชั้นอาจจะต้องอัปเกรดสักหน่อยเช่นการเพิ่มอุปกรณ์รองรับการเชื่อมต่อต่างๆ ดังนี้
- Repeater มาช่วยกระจายสัญญาณ จุดเด่นคือราคาถูก รองรับได้ทุกอุปกรณ์ แต่อาจจะมีข้อจำกัดถ้าเกิดอยู่ไกลเกินไป Repeater อาจจะไม่สอบโจทย์เท่าไหร่
- MESH Wi-Fi มีหน้าตาคล้ายกันกับล Repeater แต่ว่าการทำงานจะทำหน้าที่เป็น Router ให้ความแรงได้ระดับหนึ่ง จุดเด่นของอุปกรณ์นี้คือ สามารถใช้ชี่อ Wi-Fi เป็นจุดเดียวกันได้ทั้งหมด แต่ว่าข้อจำกัดคือราคาที่จะสูงและอุปกรณ์ใหญ่กว่า
- บางคนสามารถเลือกใช้การเดินสาย LAN เพื่อเสียบกับทั้ง 2 อุปกรณ์ได้เช่นเดียวกันครับ
คลื่นสัญญาณรบกวนเยอะ
สุดท้ายจะเป็นเรื่องของคลื่นสัญญาณที่จะรบกวนการปล่อย Wi-Fi ของเครื่องและตัวรับนั่นเอง เช่นถ้าคุณตรวจสอบเครือข่ายของคุณแล้วพบว่าไปตีกับข้างบ้านของคุณ ก็จะทำให้ความเร็วในการรับส่งข้อมูลตกลงได้ วิธีแก้ปัญหาคือ ลองเปลี่ยนช่องสัญญาณเพื่อให้สามารถทำให้อยู่ในช่องสัญญาณที่ดีที่สุด
สภาพแวดล้อม
สภาพแวดล้อมรอบๆ Router อาจเป็นสาเหตุของปัญหาได้เช่นกัน เช่น การรบกวนจากอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ ผนังหรือวัตถุที่กีดขวางสัญญาณ Wi-Fi
ตรวจสอบความเร็วอินเทอร์เน็ต
เราสามารถตรวจสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตได้โดยใช้เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันต่างๆ เช่น speedtest.net หรือ nperf.com
หากความเร็วอินเทอร์เน็ตที่รับได้ต่ำกว่าที่ผู้ให้บริการกำหนด ให้ติดต่อผู้ให้บริการเพื่อตรวจสอบปัญหา
สุดท้ายนี้ไม่ว่าจะเป็นการเลือกอุปกรณ์เครือข่ายในบ้านดีแค่ไหน ถ้าคุณปรับเป็นระบบ Auto ทั้งหมด ก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป ลองใช้งานแล้วค่อยๆ ปรับแต่งเครือข่ายให้เหมาะสมรับรองว่าคุณจะได้ใช้อินเทอร์เน็ตบ้านที่เหมาะสมนั่นเอง
หากลองแก้ไขปัญหาเบื้องต้นแล้ว ปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข ให้ติดต่อผู้ให้บริการเพื่อตรวจสอบปัญหาอย่างละเอียด