เปิดให้จับจองเป็นเจ้าของเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ Redmi Note 13 Pro 5G เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดจากบ้าน Redmi ที่พร้อมมอบประสบการณ์ระดับพรีเมียมในราคาที่จับต้องได้ให้คุณได้สัมผัสกัน ด้วยตัวเครื่องที่มาพร้อมดีไซน์ทันสมัย วัสดุคุณภาพสูง และสเปกแรงแน่นอนว่าทำให้รุ่นนี้นั้นกำลังเป็นที่พูดถึงอย่างมากในท้องตลาดตอนนี้
แน่นอนว่าเรามีโอกาสได้ทดสอบอีกเช่นเคยในบทความนี้เป็นคิวของ Redmi Note 13 Pro 5G สมาร์ตโฟนที่มาพร้อมกับสเปกแรงระดับพรีเมียม ดีไซน์สวยงาม มาดูกันว่ารุ่นนี้จะมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง
โดย Redmi Note 13 Pro 5G มีให้เลือกใช้งานด้วยกันทั้งหมด 3 สีคือ Midnight Black, Ocean Teal และ Aurora Purple ซึ่งเป็นสีที่เราได้นำมาทดสอบในบทความนี้ครับ
เปิดกล่องของ Redmi Note 13 Pro 5G ดีไซน์ใหม่สวย อุปกรณ์ครบ
- เครื่อง Redmi Note 13 Pro 5G
- สาย USB Type-C
- เคสป้องกัน
- อะแดปเตอร์ จ่ายไฟ 67 วัตต์
- เข็มเปิดถาดซิม
- คู่มือการใช้งานเบื้องต้นและบัตรรับประกัน
ดีไซน์สวย เพรียวบาง น้ำหนักเบา ทันสมัยเทียบเรือธงดูดีมีสไตล์
Redmi Note 13 Pro 5G มาพร้อมดีไซน์เรียบหรูที่ให้ความรู้สึกระดับพรีเมียมด้วยกรอบที่บางเฉียบ (โดยมีขนาด 161.15×74.24×7.98 มิลลิเมตร และหนัก 187 กรัม) ตัวเครื่องแบบกระจกสองด้านและการถอดตัวยึดหน้าจอออก ทำให้ขอบจอด้านหน้าบางเป็นพิเศษเพื่อประสบการณ์การที่ดีในการใช้งาน
Redmi Note 13 Pro 5G มาพร้อมจอ AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว จอแสดงผลอัตรารีเฟรชสูงแบบปรับอัตโนมัติ 120Hz ทำให้คุณสามารถรับชมเนื้อหาต่าง ๆ ได้อย่างเต็มจอและสมจริง ด้วยหน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED ความละเอียด 1.5K ความสว่างสูงสุด 1800nits และมีอัตรารีเฟรช 120Hz เพื่อการเลื่อนหน้าจอที่ราบรื่นและไร้รอยต่อ
นอกจากนี้ Redmi Note 13 Pro 5G มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลที่ใช้ Corning® Gorilla® Glass Victus® เพื่อเพิ่มความทนทานต่อการตกหล่นและรอยขีดข่วน
หน้าจอหน้าจอแสดงผลด้านบนเป็นตำแหน่งของกล้องหน้าที่มาพร้อมความละเอียดความละเอียด 16ล้านพิกเซล และส่วนของรูลำโพงเสียงสำหรับการสนทนาที่อยู่เหนือขึ้นไปจากกล้องหน้า
ด้านล่างหน้าจอแสดงผล ไม่มีปุ่มใช้งานใดๆ รองรับการสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอเพื่อปลดล็อค
ขอบตัวเครื่อง Redmi Note 13 Pro 5G มาพร้อมดีไซน์ขอบเหลี่ยม ในส่วนของด้านขวาตัวเครื่องเป็นตำแหน่งของ ปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มเพาเวอร์ สำหรับเปิด-ปิดตัวเครื่อง หรือล็อกหน้าจอแสดงผล ส่วนด้านซ้ายมาพร้อมดีไซน์เรียบ ๆ ไม่มีปุ่มอะไร
ด้านบนของตัวเครื่อง: เริ่มจากซ้ายสุดจะเป็นตำแหน่งของรูเสียบหูฟัง 3.5 มม., ต่อมาเป็นเป็นลำโพงเสียง, ตามมาด้วยรูไมโครโฟน และสุดท้ายเป็นส่วนของเลเซอร์ IR Blaster สำหรับใช้งานเป็นรีโมตควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ
ด้านล่างของตัวเครื่อง: มองจากซ้ายมืออย่างแรกที่เจอจะเป็นช่องใส่ถาดซิมการ์ด (NanoSIM 2 ช่อง) ต่อด้วยตรงกลางซึ่งเป็นช่องของพอร์ต USB Type-C และขวาสุดเป็นลำโพงตัวหลัก
สำหรับถาดใส่ซิมการ์ดจะเป็นถาดแบบ Dual Slot ซึ่งสามารถใส่ได้ 2 ซิมการ์ดครับ
พลิกมาที่ฝาหลังตัวเครื่องกันบ้าง ส่วนของด้านหลังยังคงโดดเด่นด้วยและสดุดตาด้วยดีไซน์กล้องสุดคลาสสิกในกรอบสี่เหลี่ยม ในโมดูลกล้องหลังประกอบไปด้วยกล้องหลัง 3 ตัว พร้อมไฟแฟลช
หน้าจอหลักและหน้าเมนูการใช้งาน
Redmi Note 13 Pro 5G เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดจาก Redmi ที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Xiaomi HyperOS (บนพื้นฐาน Android 14) ใหม่ล่าสุด ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดเด่นสำคัญที่ทำให้สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นนี้โดดเด่น
โดยหน้าตาของ Xiaomi HyperOS นั้นได้รับการปรับปรุงและออกแบบมาใหม่หมด ทั้งส่วนติดต่อผู้ใช้งาน (UI) และประสิทธิภาพการทำงาน เพื่อให้การใช้งานนั้นรวดเร็ว ราบรื่น และปลอดภัยยิ่งขึ้น เน้นเรียบง่าย
หนึ่งในการอัพเดตที่น่าสนใจคือ การปรับปรุงส่วน Control Center ให้มีความทันสมัยและใช้งานง่ายขึ้น ผู้ใช้สามารถปรับแต่งและจัดวางการตั้งค่าต่างๆ ไว้ในหน้าจอเดียวกันได้ตามต้องการ ช่วยให้การเข้าถึงฟีเจอร์ต่างๆ ทำได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ Xiaomi HyperOS ยังมีการปรับปรุงในส่วนของระบบแจ้งเตือน ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกรับเฉพาะการแจ้งเตือนที่สำคัญ และกำหนดรูปแบบการแจ้งเตือนตามประเภทแอปพลิเคชันได้ด้วย ลดความรำคาญจากการแจ้งเตือนจำนวนมาก
ประสิทธิภาพการทำงาน หัวใจสำคัญของ Redmi Note 13 Pro 5G
ทั้งนี้ผู้ใช้ยังสามารถสัมผัสกับประสิทธิภาพอันทรงพลังด้วยชิปเซ็ต Snapdragon® 7s Gen 2 ที่มีขนาด 4 นาโนเมตร ทำให้ทำงานได้ไหลลื่น รวมไปถึงการขยายหน่วยความจำช่วยให้คุณเพิ่ม RAM ได้สูงสุด 12GB ทำให้เราได้รับประสบการณ์ที่ราบรื่นยิ่งขึ้นอีกด้วย
พร้อมด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5100mAh ซึ่งสามารถชาร์จเต็ม 100% ได้ในเวลาเพียง 44 นาทีด้วย เทอร์โบชาร์จ 67W
ด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว Note 13 Pro 5G มาพร้อมกับระบบปกป้องข้อมูลชั้นสูงใหม่ ทำให้ผู้ใช้สามารถควบคุมสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ของแอปพลิเคชันได้อย่างละเอียด รวมถึงมีโหมดวงจรปิดเมื่อไม่ต้องการให้แอปใดเข้าถึงข้อมูลเลย
สำหรับระบบความปลอดภัยนั้น Redmi Note 13 Pro 5G มีมาให้ครบไม่ว่าจะเป็นระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอแบบ Optical หรือจะเป็นการสแกนใบหน้า ซึ่งจากการทดสอบใช้งานพบว่า สามารถสแกนเพื่อปลดล็อกตัวเครื่องได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว
ความสว่างที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ และการมองเห็นที่คมชัด และเสียงที่เร้าใจ
Redmi Note 13 Pro 5G มาพร้อมความละเอียด 1.5K และความสว่างสูงสุด 1800nits หน้าจอแสดงผล
แบบ AMOLED ทำให้มีความคมชัดกว่าหน้าจอ FHD+ ทั่วไป และมีอัตรารีเฟรชสูงสุดถึง 120Hz ให้ประสบการณ์การแสดงผลที่ดีสุด เป็นมิตรกับดวงตา จะอ่านคอนเทนด์หรือชมวิดีโอสตรีมมิ่งต่าง ๆ ก็ไม่เป็นปัญหา
นอกจากความคมชัดอันน่าทึ่งแล้ว ผู้ใช้ยังมั่นใจได้ถึงความสบายและปลอดภัยของสายตาเพราะมีคุณสมบัติการลดแสง PWM 1920Hz (1920Hz PWM dimming), การปรับความสว่างได้ถึง 16,000 ระดับ (16,000 levels of brightness adjustment) และการรับรองจาก TÜV Rheinland 3 อย่าง ประกอบด้วย การปราศจากการกระพริบ (Flicker Free), การเป็นมิตรทางชีวภาพตลอดทั้งวันกับผู้ใช้งาน (Circadian Friendly) และแสงสีฟ้าต่ำ (Low Blue Light) ด้วยการปรับอย่างมืออาชีพเพื่อการปกป้องดวงตาที่ดีขึ้น
อีกทั้งโหมดรอบเวลาใหม่จะปรับตามช่วงเวลาของวันและแอปพลิเคชันที่แตกต่างกัน จึงมีความเป็นมิตรกับนาฬิกาชีวภาพมากขึ้น ให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและช่วยปกป้องดวงตาของคุณ ตอบโจทย์ความบันเทิงทั้งภาพและเสียงแบบจัดเต็ม
Redmi Note 13 Pro 5G นั้นยังเป็นอุปกรณ์สำหรับการเล่นเกมที่ยอดเยี่ยมโดยมีอัตราการตอบสนองการสัมผัสทันทีที่ 2160Hz (2160 Hz instantaneous touch sampling rate)และเทคโนโลยีสัมผัสความละเอียดสูงพิเศษ 16 เท่า (16x super-resolution touch technology)ในโหมด Game Turbo ที่ให้การตอบสนองอย่างแม่นยำ
นอกจากนี้ Redmi Note 13 Pro 5G ยังมอบประสบการณ์เสียงที่เร้าใจรอบทิศทางอย่างลงตัว ด้วยระบบเสียง Dolby
Atmos® ให้ได้เพลิดเพลินกับการฟังเพลง เล่นเกม ดูวีดีโอ ทั้งแบบลำโพงคู่หรือแบบมีหูฟังผ่านทางช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม.
แบตเตอรี่ใหญ่ใช้ยาวๆ ได้ทั้งวัน
มาต่อกันด้วยเรื่องของเรื่องของขนาดแบตเตอรี่ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน ที่ใน Redmi Note 13 Pro 5G จัดว่าโดดเด่นไม่แพ้ใคร เพราะมันมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 5100mAh รองรับการชาร์จเร็ว 67W ซึ่งเขาให้หัวชาร์จ 67W มาพร้อมในกล่อง ต้องบอกว่าเป็นสมาร์ทโฟนอีกรุ่นหนึ่งที่ชาร์จเร็วเอามากๆ ไม่ต้องรอนาน ใช้เวลาแป๊บเดียวแบตเตอรี่ก็เต็มแล้ว นำเวลาไปทำอย่างอื่นได้สบายๆ เพราะมีความเร็วในการชาร์จมาก สามารถชาร์จเต็ม 100% ได้ในเวลาเพียง 44 นาที ไม่หงุดหงิดกับการทีต้องรอนานอีกต่อไป
ทั้งยังกันฝุ่นและน้ำตามมาตรฐานระดับ IP54 เพื่อให้คุณสามารถใช้งานได้ทุกสถานการณ์ แม้เปียกชื้น นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถวางใจถึงประสิทธิภาพของหน้าจอแสดงผลด้านการตอบสนองและแม่นยำในการ ป้อนข้อมูลแบบสัมผัสด้วยเทคโนโลยี Wet Touch ซึ่งจะช่วยให้หน้าจอของ Redmi Note 13 Pro 5G ยังได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อให้รับรู้ถึงการสัมผัสและการควบคุมได้ดีขึ้น ป้องกันไม่ให้น้ำบนหน้าจอไปสั่งงานระบบโดยไม่ตั้งใจ
กล้องระดับมืออาชีพ ประสิทธิภาพกล้องคู่ระดับพรีเมียม
Redmi Note 13 Pro 5G มาพร้อมกล้องหลังความละเอียดสูง 200ล้านพิกเซล และ มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออพติคอล (OIS) นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถโฟกัสไปภาพถ่ายด้วยอินเซนเซอร์ 2x/4x (2x/4x in-sensor) ที่ซูมแบบไม่สูญเสียรายละเอียด ซึ่งประสิทธิภาพของกล้องอันทรงพลังนี้ขับเคลื่อนด้วยเซนเซอร์ Samsung ISOCELL HP3 เพื่อรังสรรค์ภาพถ่ายที่เป็นเอกลักษณ์แม้จะอยู่ในสภาวะแสงน้อยและซับซ้อนก็ตาม
ต่อมาเป็นกล้อง Ultra-Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ช่วยในการถ่ายภาพมุมกว้าง และกล้อง Macro ความละเอียด 2ล้านพิกเซล ช่วยให้การโฟกัสภาพระยะใกล้ได้สวยงาม
กล้องเซลฟี่ความละเอียด 16ล้านพิกเซล สวย ชัด ทุกช็อต
ต่อกันที่ส่วนของกล้องถ่ายรูปหน้า 16 ล้านพิกเซล ก็มีขุมพลังไม่แพ้กันด้วยเซนเซอร์ขนาดใหญ่ และรองรับการถ่าย Portrait Mode เบลอหลังอย่างสวยงาม เหมาะสำหรับถ่ายภาพเซลฟี่หรือวิดีโอคอลคุณภาพระดับพรีเมียม สวย ชัด ทุกช็อต ภาพที่ได้นั้นสว่างคมชัดดี เหมาะมากสำหรับสาว ๆ ที่ไม่มั่นใจนั้นเขายังมีโหมดหน้าสวยที่ปรับใบหน้าให้เเรียบเนียนมีชีวิตชีวาอย่างธรรมชาติให้คุณเลือกใช้งาน รับรอง สวย ใส ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป
ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยกล้องด้านหน้า โหมดอัตโนมัติ
นอกจากกล้องที่ดีแล้ว ยังอัดเน้นมาพร้อมฟิลเตอร์มากมาย ไม่ว่าฟีเจอร์พื้นฐานอย่างจะเป็นการแต่งภาพ Auto, Corop Filter, Adjust, Doodle, Text และ Mosaic
อย่างที่บอกไปแล้วว่าแอปกล้องใน Xiaomi HyperOS ยังมี AI Camera มาให้ด้วย ช่วยให้กล้องจับวัตถุได้ดี ปรับโทนสีให้เหมาะสมกับวัตถุที่ถ่าย และใช้อัลกอริธึมทำนายภาพโดยหลักการ AI สำหรับปรับปรุงภาพอย่างอัตโนมัติไม่ว่าจะเป็นเลือกสีกรอบภาพอัตโนมัติ (Art framing), Erase, Bokeh, Sky, Sticker และการใส่ Frame เพื่อได้ภาพสวยงามที่สุด
กล้องฟิล์มและเฟรมภาพฟิล์มจะมาพร้อมกับฟิลเตอร์ 12 แบบและเฟรมภาพ 11 เฟรม ภาพทุกภาพจึงบอกเล่าเรื่องราวได้ เลือกตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับแต่ละช่วงเวลา แล้วไปสนุกกับการสร้างสรรค์
สติ๊กเกอร์และฟิลเตอร์ต่าง ๆ ที่พร้อมให้เลือกใช้งานมากมาย ทำให้คุณและสนุกกับการตกแต่งภาพให้น่าสนใจแบบไม่รู้เบื่อ
อีกหนึ่งที่ตอนนี้ไม่ว่าใคร ๆ ก็ต้องมีนั้นก็คือสามารถในการลบวัตถุด้วย AI แน่นอนว่าใน Redmi Note 13 Pro 5G ก็มีและสามารถทำออมาได้เนียบไม่แพ้สมาร์ทโฟนรุ่นแพงที่วางจำหน่ายในท้องตลาดตอนนี้เลย
ปิดท้ายด้วยฟีเจอร์ที่อย่างโหมด Beautify ไม่ว่าจะเป็น Skin, Face, Body, HD portrait และ Snimals ที่จะช่วยให้การถ่ายและปรับแต่งรูปภาพสนุกสนานยิ่งขึ้น ตอบโจทย์ผู้ใช้งานทุกไลฟ์สไตล์ ฟิลเตอร์ที่ให้มาในเครื่องก็ถือว่าสมบูรณ์แบบ มีให้เลือกใช้งานมากมาย บอกเลยว่าสวยไม่แพ้ของจริง จะถ่ายอะไรก็สวยงามพร้อมให้คุณโพสต์ได้เลย
ส่งท้ายกันด้วยตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลังของ Redmi Note 13 Pro 5G ในสภาวะแสงต่าง ๆ
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดภาพบุคคล
ด้วยความละเอียด 200 ล้านพิกเซล และเทคโนโลยีซูมในเซ็นเซอร์ให้เอฟเฟกต์เทเลโฟโต้เทียบเท่ากับออปติคัลซูมแบบดั้งเดิม มาพร้อม Lossless Zoom สูงสุด 4 เท่า เพื่อให้ภาพคมชัดทั้งระยะใกล้และไกล
และทั้งหมดนี้เป็นตัวอย่างของภาพถ่ายที่เราได้ทำการทดสอบทั้งหมดครับ
สรุปคุณสมบัติ Redmi Note 13 Pro 5G ส่งท้าย
- ขนาดตัวเครื่อง 161.2 x 74.2 x 8มิลลิเมตร
- หน้าจอขนาด 6.67 นิ้ว ใช้หน้าจอ CrystalRes AMOLED display
- น้ำหนัก 187 กรัม
- ความละเอียดหน้าจอ : 1220 x 2712, Refresh Rate 1- 120Hz ความสว่าง 1,800 nits + Dolby Vision
- กระจกหน้าจอ : Corning® Gorilla® Victus
- มาตรฐานการกันน้ำ IP54
- ชิปเซ็ต : Qualcomm Snapdragon 7s Gen 2
- RAM: 12GB
- ความจำในตัว : 512GB
- ไม่สามารถเพิ่มความจำได้
- ระบบปฏิบัติการ : Xiaomi HyperOS
- การเชื่อมต่อ 5G/4G WiFi 6 (AX), GPS, Bluetooth 5.2 A-GPS, GPS, NFC
- ช่องเสียบ USB-C
- รองรับ Nano SIM ทั้งหมด 2 ช่อง
- ระบบเสียง : ด้านบนและล่าง รองรับ Dolby ATMOS
- ระบบไมโครโฟน : 2 ด้านบนและล่าง
- กล้องมีหลังประกอบด้วย 3 ตัวด้วยกันประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 200 ล้านพิกเซล F/1.65 PDAF + 16 – 1 Super Pixel
- กล้องมุมกว้าง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มุมมองกว้าง 119 องศา
- กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
- รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 30 FPS, FHD 60/30 FPS, Slowmotion , Timelapse
- กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล FHD 30 FPS
- แบตเตอรี่ 5100 mAh รองรับกำลังชาร์จไฟ 67W
- ระบบความปลอดภัย : สแกนใบหน้า และสแกนนิ้วในหน้าจอ
- สี : Midnight Black, Ocean Teal และ Aurora Purple
[ เล่าเท่าที่เล่น I Redmi Note 13 Pro 5Gไว้ใจได้เรื่องภาพสวย]
หลังจากที่ได้ทดสอบและลองเล่น Redmi Note 13 Pro 5G มาสักพักรู้สึกได้ว่าเป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจมาก ๆ ด้วยราคาที่ไม่สูงมากนักเหมือนเทียบกับคุณภาพที่อัดมาให้แบบจัดหนัก จัดว่ามีราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับสเปคที่ได้รับ
อีกทั้ง Redmi Note 13 Pro 5G ยังมาพร้อมกับดีไซน์สวยงาม มีตัวเครื่องโลหะเคลือบผิวกระจก ดูสวยงามและมีความแข็งแรง ยิ่งเป็นสีไฮไลท์อย่าง Aurora Purple คือดี ปัง เป๊ะ มาก และที่สำคัญมาพร้อมกับแบตเตอรี่อึดขนาดใหญ่ที่มีแบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh พร้อมรองรับชาร์จเร็ว 67W ทำให้ใช้งานได้นาน ทำให้หมดห่วงหากต้องใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานาน ๆ
เรื่องของกล้องก็จัดว่าไว้ใจได้ด้วย Redmi Note 13 Pro 5G ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การถ่ายภาพทุกสถานการณ์ทั้งถ่ายวิว ถ่ายคน และถ่ายวิดีโอ ด้วยฟีเจอร์กล้องครบครัน คุณภาพเหนือระดับ แต่ยังคงให้ราคาเข้าถึงได้ในระดับกลางๆ
โดยรวมแล้ว Redmi Note 13 Pro 5G จึงเป็นสมาร์ทโฟนที่มีสเปกดี คุ้มค่าเงิน ตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลาย ทั้งถ่ายภาพ เล่นเกม และใช้งานประจำวัน
ราคา Redmi Note 13 Pro 5G
Redmi Note 13 Pro 5G มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Midnight Black, Ocean Teal และ Aurora Purple ในรุ่นความจุ 12GB+512GB โดยวางจำหน่ายในราคา 12,990 บาท ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์แพลตฟอร์ม
โปรโมชั่นของ Redmi Note 13 Pro 5G
โปรโมชันพิเศษ! สำหรับลูกค้าที่ซื้อ Redmi Note 13 Pro 5G ในระหว่างวันที่ 27 เมษายน 2567 – 31 พฤษภาคม 2567 รับฟรี Bluetooth Speaker มูลค่า 990 บาท นอกจากนี้ ลูกค้าที่ซื้อ Redmi Note 13 Pro 5G ในช่วงเวลาดังกล่าวที่ Xiaomi Store รับฟรีเพิ่มเติม BamBam Pillow
โดยลูกค้าที่สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์แพลตฟอร์ม