บริษัท โซนี่ไทย จำกัด เดินหน้าบุกตลาดกล้องถ่ายภาพยนตร์ ล่าสุดจับมือ เวลเคิร์ฟ สตูดิโอ ผู้นำธุรกิจโปรดักชั่นเฮาส์แถวหน้าของเมืองไทย ร่วมสนับสนุนกล้อง CineAlta รุ่น VENICE 2และ BURANO
ซึ่งเป็นกล้องถ่ายทำภาพยนตร์ดิจิทัลคุณภาพสูงระดับ Cinema Lineของโซนี่ เพื่อตอบโจทย์การถ่ายทำภาพยนตร์ไทยเรื่อง “ยูเรนัส2324” (Uranus2324) ภาพยนตร์อวกาศฟอร์มยักษ์ระดับมาสเตอร์พีซเรื่องแรกของไทย นับเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ให้แก่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย และผู้รับชมในหลายประเทศทั่วโลก ด้วยเทคนิคการถ่ายทำ และความพิถีพิถันในทุกรายละเอียดของภาพที่ต้องใช้อุปกรณ์คุณภาพสูง เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวผ่านภาพยนตร์ออกมาสู่ผู้ชมได้ตรงตามที่ผู้กำกับต้องการที่สุด ความร่วมมือระหว่างโซนี่ไทย และเวลเคิร์ฟ สตูดิโอ
ในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาสร้างสรรค์คุณภาพ พร้อมยกระดับมาตรฐานของภาพยนตร์ไทยทั้งในระดับประเทศ และสากล อีกทั้งยังเป็นการเติมแรงบันดาลใจให้แก่ช่างภาพมืออาชีพในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ด้วยไอเดียที่แปลกใหม่ ด้วยกล้อง และอุปกรณ์ที่สามารถรองรับการทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
โดยภาพยนตร์ “ยูเรนัส2324” มีกำหนดเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศในวันที่ 4 กรกฎาคม 2567
มร. ชินเปอิ นิชิกาวา ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาด บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด เปิดเผยว่า “โซนี่มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ รวมทั้งผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังให้ความสำคัญกับการขยายตลาดกล้องในแต่ละกลุ่มให้กว้างมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดกล้องระดับมืออาชีพ ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญที่จะช่วยผลักดันอุตสาหกรรมถ่ายภาพไทยให้เติบโต
โดยที่ผ่านมาโซนี่ได้พัฒนาเทคโนโลยีและสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านการถ่ายภาพรุ่นใหม่ ๆ ให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานระดับมืออาชีพ ควบคู่ไปกับการส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่สามารถตอบรับความต้องการในตลาดได้อย่างครบครัน ทั้งยังมุ่งส่งเสริมและเปิดโอกาสให้ช่างภาพมืออาชีพทุกระดับได้มีพื้นที่ในการแสดงผลงานอย่างไร้ขอบเขตผ่านกิจกรรมมากมาย ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมาโดยตลอด ในปีนี้โซนี่มีแผนรุกขยายตลาดไปยังตลาดกล้องภาพยนตร์มืออาชีพ
โดยล่าสุดได้ร่วมกับ “เวลเคิร์ฟ สตูดิโอ” ซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจโปรดักชันเฮาส์ของไทย มอบประสบการณ์ใหม่ให้กับวงการหนังไทย ด้วยการร่วมสนับสนุนกล้อง CineAlta รุ่น VENICE 2และ BURANO ซึ่งเป็นกล้องคุณภาพสูงสำหรับถ่ายทำภาพยนตร์อวกาศเรื่อง “ยูเรนัส2324” ซึ่งเป็นภาพยนตร์อวกาศเรื่องแรกของไทยที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก
สำหรับกล้อง VENICE 2 และ BURANO อยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ CineAlta Digital Cinema สำหรับการถ่ายภาพยนตร์ดิจิทัลระดับแนวหน้าของโซนี่ ได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้ในการถ่ายภาพยนตร์ระดับมืออาชีพ สำหรับกล้อง VENICE 2 เป็นกล้องถ่ายภาพยนตร์ฟลูเฟรมตัวรับภาพแบบ CMOS เซ็นเซอร์ รุ่นเรือธงสูงสุดจาก Sony ที่ให้ความละเอียดสูงระดับ 8.6K สามารถบันทึก RAW File ประเภท X-OCN Internal Recording และความละเอียดแบบ 4K Pro-Res Internal Recording และยังสามารถให้เลือก Dual Base ISO 800/3200 เพื่อที่ให้ไดนามิกเรนจ์ที่กว้างถึง 16-stop สามารถแสดงผลบนจอภาพด้วย 4K LUT และยังมี 8-step Mechanical ND Filters สำหรับลดแสงได้ถึง 8-step ในตัวกล้อง VENICE 2 ยังพร้อมกับการใช้งาน อุปกรณ์เสริมอย่าง Rialto(VENICE Extension System 2) ที่ตัวบอดี้ยังสามารถแยกออกจากเลนส์ได้ ที่ทำให้กล้อง VENICE 2 มีขนาดที่เล็กลง สามารถใช้ร่วมกับอุปกณ์เสริมอื่นๆได้หลากหลายมากขึ้น และทำให้ช่างภาพทำงานได้สะดวกมากขึ้น
พร้อมด้วย BURANO ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับผู้ใช้งานกล้องตัวเดียว รวมถึงทีมงานถ่ายทำขนาดเล็ก เป็นกล้องถ่ายภาพยนตร์ฟลูเฟรมรับภาพแบบ CMOS เซ็นเซอร์ ที่ให้ความละเอียดสูงระดับ 8.6K ที่สามารถบันทึก RAW File ประเภท X-OCN-LT ทำงานคู่กับ Dual Base ISO 800/3200 ให้ไดนามิกเรนจ์ที่กว้างถึง 16-stop และให้ค่าสี color science เช่นเดียวกันกับ VENICE 2 ทั้งยังเป็นกล้องถ่ายภาพยนตร์ดิจิทัล รุ่นแรกที่มีระบบกันสั่นในตัวกล้อง พร้อมระบบโฟกัสอัตโนมัติที่ทรงประสิทธิภาพ ที่ทำงานร่วมกับ AI Subject Recognition จึงสามารถถ่ายทอดทุกช็อตได้ชัดเจน ช่วยในการจับภาพได้อย่างแม่นยำ รวมถึงน้ำหนักเบา ผสมผสานคุณภาพของภาพที่โดดเด่นเข้ากับความคล่องตัวสูง และเป็นกล้องถ่ายภาพยนตร์ดิจิทัลตัวแรกของโลกที่สามรถปรับเปลี่ยนเมาส์เลนส์ในตัวกล้องได้ 2 ชนิด อย่างเลนส์ PL-Mount ตอบโจทย์ทั้งความเป็น Cinema Look ที่มีระบบป้องกันภาพสั่นในตัวกล้องช่วยในการทำงาน หรือ Solo Shooter ด้วยระบบออโต้โฟกัสด้วยเลนส์ E-Mount นอกจากนี้ ภายใต้โครงสร้างขนาดกะทัดรัด ยังเป็นครั้งแรกที่มีทั้งโครงสร้างฟิลเตอร์ ND แบบอิเล็กทรอนิกส์ที่บางกว่าเดิม ควบคู่ไปกับกลไกป้องกันภาพสั่นไหวแบบออพติคอล ซึ่งเป็นความสำเร็จทางเทคโนโลยีที่ไม่เคยมีมาก่อน
“ความร่วมมือระหว่าง โซนี่ไทย และ เวลเคิร์ฟ สตูดิโอ ในครั้งนี้ นับเป็นการผสานจุดแข็งระหว่างสองผู้เชี่ยวชาญเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว โดยโซนี่ไทยในฐานะผู้นำสร้างสรรค์เทคโนโลยีสุดล้ำด้านการถ่ายภาพ ร่วมกับ เวลเคิร์ฟ สตูดิโอ ซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจโปรดักชันเฮาส์มากฝีมือที่คว้ารางวัลมาแล้วมากมาย จึงมั่นใจว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะสามารถถ่ายทอดประสิทธิภาพของกล้องถ่ายภาพยนตร์ CineAlta Digital Cinema ออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ รวมทั้งสามารถขยายฐานลูกค้าในกลุ่มกล้องภาพยนตร์ให้เติบโตขึ้นในอนาคตอีกด้วย” มร. ชินเปอิ นิชิกาวา กล่าวทิ้งท้าย
ด้าน นายคีตะวัฒน์ ชินโคตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวลเคิร์ฟ จำกัด กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า ความพิเศษของภาพยนตร์ “ยูเรนัส2324” ไม่เพียงแต่เป็นภาพยนตร์อวกาศเรื่องแรกของไทยแต่เรายังได้รับการสนับสนุนหลักในการถ่ายทำด้วยกล้องตระกูล CineAlta จากโซนี่ไทย ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ให้แก่วงการอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยที่จะถูกถ่ายทอดออกไปสู่ตลาดหนังทั่วโลก แน่นอนว่านอกจากเนื้อเรื่องของภาพยนตร์แล้ว เรื่องของความคมชัดทั้งภาพ และเสียงเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะทุกรายละเอียดของภาพต้องใช้อุปกรณ์คุณภาพสูง ซึ่งการที่เราได้กล้องระดับ Cinema Line ที่โซนี่ไทย ให้การสนับสนุนกล้องตลอดการถ่ายทำของภาพยนตร์ ยูเรนัส2324 เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวออกของหนังออกมาสมจริง ทำให้การดูหนังสนุกดึงอารมณ์ความรู้สึกของคนดูได้อย่างมีอรรถรสมากยิ่งขึ้น
“ที่ผ่านมาเรามีโอกาสได้ไปร่วมงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติหลากหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกง เวียดนาม เพื่อนำเสนอภาพยนตร์ “ยูเรนัส2324” และสร้างเครือข่ายทางการค้าของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในระดับสากล ซึ่งได้รับความสนใจจากตลาดภาพยนตร์ต่างประเทศเป็นอย่างมาก ด้วย Pilot ของหนังที่ได้โชว์ความสวยงามของภาพและความคมชัดของเสียง ประกอบกับเรื่องราวของหนังที่เห็นถึงโปรดักชันใหญ่โดยเฉพาะฉากยานอวกาศขนาดเท่าของจริง ยิ่งทำให้ได้รับความสนใจและมีหลายประเทศเตรียมซื้อลิขสิทธิ์ไปฉายแล้วกว่า 20 ประเทศ”
“เวลเคิร์ฟ สตูดิโอ” เราเป็นบริษัทโปรดักชันเฮาส์ที่มีบริการแบบครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่การผลิตคอนเทนต์ทั้งงาน Pre-production, Production, Post-production เต็มศักยภาพในงานผลิตทั้งภาพยนตร์ ซีรีส์ และโฆษณา รวมถึงการผลิตคอนเทนต์ออนไลน์-ปั้นและบริหารศิลปิน-จัดงานแฟนมิตติ้ง โดยมีเป้าหมายเป็นผู้นำผลิตคอนเทนต์เชิงบวก สร้าง New Standard ให้กับวงการสื่อทั้งในไทยและต่างประเทศในทุกมิติ นายคีตะวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย