ผู้พิพากษาศาลแขวงสหรัฐอเมริกา เจมส์ โดนาโต ได้แจ้งเตือน Google บริษัทในเครือ Alphabet ว่ากำลังพิจารณาออกคำสั่งให้ปรับเปลี่ยนนโยบายการดำเนินงานของ Google Play Store
ซึ่งเป็นร้านค้าแอปพลิเคชันสำหรับระบบปฏิบัติการ Android โดยหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นคือการอนุญาตให้ผู้ใช้ Android สามารถติดตั้งร้านค้าแอปพลิเคชันทางเลือกอื่นๆ ได้
คำเตือนดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างการพิจารณาคดีที่ใช้เวลาสามชั่วโมงในนครซานฟรานซิสโก เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยถือเป็นผลสืบเนื่องจากคำตัดสินของคณะลูกขุนรัฐบาลกลางเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งระบุว่า Google ละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดในการดำเนินงานของ Google Play Store ทั้งนี้ Google ได้ประกาศความตั้งใจที่จะอุทธรณ์คำตัดสินดังกล่าว
แม้ว่าในปัจจุบันผู้ใช้ Android จะสามารถติดตั้งแอปพลิเคชันจากแหล่งอื่นได้ แต่แอปพลิเคชันส่วนใหญ่บนอุปกรณ์ Android ยังคงมาจาก Play Store นอกจากนี้ ผู้พิพากษายังได้หยิบยกประเด็นเกี่ยวกับระบบการชำระเงินของ Google ที่อาจเป็นปัญหา เนื่องจากสร้างรายได้มหาศาลให้กับบริษัท และทำให้นักพัฒนาแอปพลิเคชันยากที่จะนำผู้บริโภคไปยังแพลตฟอร์มการชำระเงินอื่น
ในการตอบสนองต่อข้อกังวลนี้ Google ได้ชี้แจงถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัย หากผู้ใช้ Android สามารถติดตั้งแอปพลิเคชันจากร้านค้าของบุคคลที่สามที่อาจมีมัลแวร์ได้ ซึ่งเหตุผลนี้คล้ายคลึงกับที่ Apple ใช้ในการรักษานโยบาย “สวนรั้วปิด” สำหรับ App Store ทั้งสองบริษัทอ้างว่าหากไม่สามารถตรวจสอบแอปพลิเคชันในร้านค้าของบุคคลที่สามได้ จะเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่กระจายของมัลแวร์บนอุปกรณ์มือถือ
ผู้พิพากษาโดนาโตได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าต้องการให้ Google ดำเนินการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญกับ Play Store แม้ว่าจะส่งผลให้บริษัทต้องสูญเสียรายได้ถึง 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐตามที่ประมาณการไว้ โดยคาดว่าจะสามารถเผยแพร่กรอบการเปลี่ยนแปลงที่ต้องการให้ Play Store ดำเนินการได้ภายในช่วงวันหยุดวันแรงงาน ในขณะที่ Google ร้องขอระยะเวลา 12 ถึง 16 เดือนในการดำเนินการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว
นอกจากนี้ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา Google ยังถูกพบว่าละเมิดมาตรา 2 ของกฎหมายเชอร์แมนในส่วนของธุรกิจการค้นหาและโฆษณาการค้นหา ซึ่งส่งผลให้บริษัทถูกจัดว่าเป็นผู้ผูกขาดในตลาด โดยการพิจารณาเพื่อกำหนดบทลงโทษสำหรับการกระทำดังกล่าวมีกำหนดจะเริ่มขึ้นในวันที่ 6 กันยายนนี้
อ้างอิง – Phonearena.com