News

เราจัดเต็มให้คุณแล้ว! เปรียบเทียบ iPhone 15 vs iPhone 16 มีอะไรต่างกันบ้าง? ก่อนเปิดตัว

หลังจากมีข่าวลือมานานกว่าหนึ่งปี iPhone 16 และ iPhone 16 Plus มีแผนจะเปิดตัวในเดือนหน้า โดยคาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงถึง 20 รายการในรุ่นมาตรฐานใหม่นี้ บทความนี้จะรวบรวมทุกสิ่งที่เราคาดหวังจะได้เห็นในรุ่นใหม่

ข้อมูลทั้งหมดนี้มาจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้หลายแหล่ง ซึ่งเราได้รายงานไว้ก่อนหน้านี้บน MacRumors เราจะปรับปรุงบทความนี้อย่างต่อเนื่องเมื่อมีข่าวลือใหม่ ๆ ก่อนงานเปิดตัว “It’s glowtime” ของ Apple ในวันจันทร์ที่ 9 กันยายน

บทความนี้เน้นเปรียบเทียบระหว่าง iPhone 15 และ iPhone 16 หากคุณสนใจการเปรียบเทียบระหว่าง iPhone 16 Pro กับ iPhone 15 Pro โปรดอ่านบทความเปรียบเทียบอื่น ๆ ของเรา

การออกแบบ

iPhone 16 และ iPhone 16 Plus คาดว่าจะยังคงรูปแบบการออกแบบคล้ายรุ่นก่อนหน้าเป็นส่วนใหญ่ โดยมีขนาดเท่าเดิม แต่มีการเปลี่ยนแปลงที่สังเกตได้ชัด ดังนี้:

  1. กล้องหลังจัดเรียงแนวตั้ง เพื่อรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ spatial
  2. เปลี่ยนจากสวิตช์ปิดเสียงเป็นปุ่ม Action เหมือนในรุ่น Pro ของปีที่แล้ว
  3. ระบบระบายความร้อนใหม่ ใช้แผ่นระบายความร้อนแบบกราฟีนแทนทองแดง
  4. น้ำหนักเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ประมาณ 1%

กล้อง

iPhone 16 คาดว่าจะได้รับการปรับปรุงกล้อง ดังนี้:

  1. กล้อง Ultra Wide ดีขึ้น (รูรับแสง f/2.2 จากเดิม f/2.4) ให้ภาพสวยขึ้นในที่แสงน้อย
  2. รองรับการถ่ายภาพมาโคร ถ่ายวัตถุระยะใกล้ได้ชัดขึ้น
  3. มีปุ่ม Capture แบบสัมผัสที่ด้านข้างเครื่อง สำหรับถ่ายภาพและวิดีโอโดยเฉพาะ
  4. รองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Spatial ให้ภาพมีมิติมากขึ้น

ชิป หน่วยความจำ และการเชื่อมต่อ

iPhone 16 คาดว่าจะมีประสิทธิภาพการประมวลผลที่ดีขึ้น ด้วย:

  1. ชิป A18 รุ่นใหม่ (ผลิตด้วยเทคโนโลยี 3 นาโนเมตรแบบปรับปรุง “N3E” ของ TSMC)
  2. Neural Engine ประสิทธิภาพสูงขึ้น รองรับความสามารถ AI แบบ generative
  3. หน่วยความจำเพิ่มขึ้น 33% (จาก 6GB เป็น 8GB)
  4. รองรับ Wi-Fi 6E เชื่อมต่อเน็ตได้เร็วขึ้น

แบตเตอรี่และการชาร์จ

iPhone 16 อาจได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่ด้านแบตเตอรี่และการชาร์จ:

  1. เทคโนโลยีแบตเตอรี่แบบซ้อนชั้น เพิ่มความหนาแน่นของพลังงานและยืดอายุการใช้งาน
  2. ความจุแบตเตอรี่เพิ่มขึ้น 6% สำหรับ iPhone 16 แต่ลดลง 9% สำหรับ iPhone 16 Plus
  3. ชาร์จแบบมีสายเร็วขึ้น 48% (จาก 27W เป็น 40W)
  4. ชาร์จผ่าน MagSafe เร็วขึ้น 33% (จาก 15W เป็น 20W)

คุณสมบัติและการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ

  1. รองรับ Apple Intelligence ชุดเครื่องมือ AI ใหม่จาก Apple
  2. ไมโครโฟนปรับปรุงใหม่ รองรับฟีเจอร์ AI
  3. จอแสดงผล OLED ประสิทธิภาพสูงขึ้น ให้ภาพสว่างขึ้น
  4. มีสีใหม่ให้เลือก: น้ำเงิน ชมพู เขียว เหลือง ดำ ขาว และม่วง

วันวางจำหน่าย

คาดว่า iPhone 16 และ iPhone 16 Plus จะเปิดตัวในงาน “It’s glowtime” ของ Apple วันจันทร์ที่ 9 กันยายน โดยเปิดให้สั่งจองล่วงหน้าวันศุกร์ที่ 13 กันยายน และวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการวันศุกร์ที่ 20 กันยายน

ควรอัปเกรดหรือไม่?

iPhone 15 เป็นการอัปเกรดครั้งใหญ่จาก iPhone 14 ในปี 2023 มีการออกแบบใหม่พร้อม Dynamic Island กล้อง 48 ล้านพิกเซล พอร์ต USB-C และอื่น ๆ อีกมาก

การอัปเกรดของ iPhone 16 อาจไม่มากเท่ารุ่นก่อนหน้า ผู้ใช้ iPhone 15 ส่วนใหญ่อาจไม่จำเป็นต้องอัปเกรด อย่างไรก็ตาม Apple Intelligence และปุ่ม Action และ Capture ใหม่อาจเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้คนสนใจซื้อรุ่นใหม่นี้

แบตเตอรี่และการชาร์จ: อึดขึ้น ชาร์จเร็วขึ้น

iPhone 16 อาจได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่ด้านแบตเตอรี่และการชาร์จ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟนในปัจจุบัน:

  1. เทคโนโลยีแบตเตอรี่แบบซ้อนชั้น: นวัตกรรมนี้จะช่วยเพิ่มความหนาแน่นของพลังงานในแบตเตอรี่ ทำให้สามารถเก็บพลังงานได้มากขึ้นในพื้นที่เท่าเดิม นอกจากนี้ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ในระยะยาว ลดการเสื่อมสภาพ ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งาน iPhone ได้นานขึ้นโดยไม่ต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่บ่อย
  2. ความจุแบตเตอรี่เปลี่ยนแปลง:
    • iPhone 16: เพิ่มขึ้น 6% (จาก 3,349 mAh เป็น 3,561 mAh)
    • iPhone 16 Plus: ลดลง 9% (จาก 4,383 mAh เป็น 4,006 mAh) แม้ว่า iPhone 16 Plus จะมีความจุแบตเตอรี่ลดลง แต่ด้วยประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ดีขึ้นของชิป A18 และเทคโนโลยีแบตเตอรี่ใหม่ อาจทำให้ระยะเวลาการใช้งานจริงไม่ได้ลดลงมากนัก หรืออาจจะดีขึ้นด้วยซ้ำ
  3. ชาร์จแบบมีสายเร็วขึ้น 48%: จากเดิม 27W เพิ่มเป็น 40W ซึ่งจะช่วยลดเวลาในการชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มลงอย่างมาก เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการชาร์จเร็วในเวลาจำกัด
  4. ชาร์จผ่าน MagSafe เร็วขึ้น 33%: จาก 15W เป็น 20W ทำให้การชาร์จแบบไร้สายสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับการชาร์จในชีวิตประจำวันโดยไม่ต้องเสียบสาย

การปรับปรุงเหล่านี้จะช่วยแก้ปัญหาการใช้งานแบตเตอรี่ที่ผู้ใช้ iPhone มักประสบ โดยเฉพาะในยุคที่สมาร์ทโฟนถูกใช้งานอย่างหนักตลอดทั้งวัน

คุณสมบัติและการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ: นวัตกรรมที่น่าจับตามอง

  1. Apple Intelligence: ชุดเครื่องมือ AI ใหม่จาก Apple ที่คาดว่าจะนำมาซึ่งฟีเจอร์อัจฉริยะมากมาย เช่น:
    • การแปลภาษาแบบเรียลไทม์ที่แม่นยำยิ่งขึ้น
    • ระบบการจดจำและวิเคราะห์ภาพที่ซับซ้อนขึ้น
    • ผู้ช่วยเสมือนที่ฉลาดขึ้น สามารถเข้าใจบริบทและให้คำแนะนำที่เหมาะสมมากขึ้น
    • การสร้างเนื้อหาอัตโนมัติ เช่น การเขียนข้อความ หรือการแต่งเพลงด้วย AI
  2. ไมโครโฟนปรับปรุงใหม่: ออกแบบมาเพื่อรองรับฟีเจอร์ AI โดยเฉพาะ ช่วยให้การรับเสียงมีคุณภาพดีขึ้น ลดเสียงรบกวน และเพิ่มความแม่นยำในการจดจำเสียงพูด ซึ่งจะส่งผลให้การใช้งานฟีเจอร์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง เช่น Siri หรือการแปลภาษาแบบเรียลไทม์ มีประสิทธิภาพมากขึ้น
  3. จอแสดงผล OLED ประสิทธิภาพสูงขึ้น: ให้ภาพที่สว่างและคมชัดยิ่งขึ้น สีสันสดใสมากขึ้น และอาจมีอัตรารีเฟรชที่สูงขึ้น ช่วยให้การเลื่อนหน้าจอลื่นไหลและการแสดงผลวิดีโอมีความนุ่มนวลมากขึ้น
  4. สีใหม่: นอกจากสีเดิมอย่างน้ำเงิน ชมพู เขียว เหลือง และดำแล้ว iPhone 16 จะมีสีขาวและม่วงเพิ่มเติม ให้ตัวเลือกที่หลากหลายมากขึ้นสำหรับผู้ใช้ที่ชอบแสดงความเป็นตัวตนผ่านสีของอุปกรณ์

วันวางจำหน่าย: เตรียมพบกับ iPhone 16

ตามข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบัน เราคาดว่า iPhone 16 และ iPhone 16 Plus จะมีกำหนดการดังนี้:

  • วันเปิดตัว: วันจันทร์ที่ 9 กันยายน ในงาน “It’s glowtime” ของ Apple
  • วันเริ่มสั่งจองล่วงหน้า: วันศุกร์ที่ 13 กันยายน
  • วันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ: วันศุกร์ที่ 20 กันยายน

อย่างไรก็ตาม โปรดทราบว่าวันที่เหล่านี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับนโยบายและแผนการของ Apple

ควรอัปเกรดหรือไม่?

iPhone 15 ถือเป็นการอัปเกรดครั้งใหญ่จาก iPhone 14 ในปี 2023 ด้วยการออกแบบใหม่ที่มี Dynamic Island กล้อง 48 ล้านพิกเซล พอร์ต USB-C และอื่น ๆ อีกมากมาย ในขณะที่การอัปเกรดของ iPhone 16 อาจไม่ดูยิ่งใหญ่เท่า แต่ก็มีการปรับปรุงที่น่าสนใจหลายประการ

สำหรับผู้ใช้ iPhone 15 ส่วนใหญ่ อาจไม่จำเป็นต้องรีบอัปเกรดเป็น iPhone 16 เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงหลัก ๆ อาจไม่ส่งผลกระทบมากนักต่อการใช้งานประจำวัน อย่างไรก็ตาม หากคุณสนใจเป็นพิเศษในเรื่องต่อไปนี้ การอัปเกรดอาจคุ้มค่า:

  1. ความสามารถด้าน AI ที่มาพร้อมกับ Apple Intelligence
  2. การถ่ายภาพและวิดีโอที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในสภาพแสงน้อยและการถ่ายภาพมาโคร
  3. ประสิทธิภาพการทำงานที่เร็วขึ้นและการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น
  4. การชาร์จที่เร็วขึ้นทั้งแบบมีสายและไร้สาย

สำหรับผู้ที่ใช้ iPhone รุ่นเก่ากว่า iPhone 15 การอัปเกรดเป็น iPhone 16 อาจเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากจะได้รับประโยชน์จากการพัฒนาทั้งหมดที่สะสมมาหลายรุ่น

ท้ายที่สุด การตัดสินใจอัปเกรดควรขึ้นอยู่กับความต้องการส่วนบุคคล งบประมาณ และการใช้งานของแต่ละคน iPhone 16 ดูเหมือนจะเป็นการพัฒนาที่น่าสนใจ แต่อาจไม่ใช่การปฏิวัติครั้งใหญ่ในวงการสมาร์ทโฟน ผู้ใช้ควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าฟีเจอร์ใหม่ ๆ เหล่านี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานในชีวิตประจำวันของตนได้มากน้อยเพียงใด

อ้างอิง | Macrumors.com

SHARE
คนเล่าเรื่องไอที ที่เชื่อว่าการได้เดินทางและการพบปะพูดคุยกับผู้คนในสายงานต่าง ที่ไม่คุ้นเคยคือกำไรชีวิต...หลงไหลในการเดินทางเป็นชีวิตจิตใจ ตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อได้เจอเจ้าหน้าที่ ตม.
RELATED POSTS
หลุด! ข้อมูล “OnePlus Smart Band” ก่อนเปิดตัว 11 มกราคมนี้
มาแน่ “realme 5s” เตรียมเปิดตัวมาพร้อมกล้อง 48MP แบตฯ ใหญ่ 5000 mAh
Samsung เปิดตัว “Samsung Galaxy Z Flip” สมาร์ทโฟนพับได้โฉมใหม่ ที่สุดแห่งดีไซน์สวยในราคาจับต้องได้

Leave Your Reply

*