iPhone 16 Pro กำลังจะเป็นรุ่นสืบทอดของ iPhone 15 Pro ที่เปิดตัวในปี 2023 โดยคาดว่าจะนำเสนอฟีเจอร์ใหม่และการปรับปรุงมากกว่า 30 รายการสำหรับสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ของ Apple

เนื่องจากผู้ใช้จำนวนมากมักอัพเกรดเครื่องทุก 2 ปี เจ้าของ iPhone 14 Pro หลายคนจึงอาจกำลังพิจารณาการเปลี่ยนไปใช้ iPhone 16 Pro บทความนี้จะนำเสนอความแตกต่างที่สำคัญระหว่างสองรุ่นนี้ โดยอ้างอิงจากข่าวลือที่น่าเชื่อถือ

ในปี 2022 Apple ได้เปิดตัว iPhone 14 Pro ซึ่งเป็นรุ่นสืบทอดของ iPhone 13 Pro ที่ได้รับความนิยม โดยนำเสนอหน้าจอแบบ Always-on, Dynamic Island, กล้องความละเอียด 48 ล้านพิกเซล, ชิป A16 Bionic, แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานขึ้น และอื่นๆ อีกมากมาย สองปีต่อมา iPhone 16 Pro คาดว่าจะมีการอัพเกรดอย่างน้อย 60 รายการ

บทความนี้จะรวบรวมการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดที่คาดว่าจะมีใน iPhone 16 Pro เมื่อเทียบกับรุ่นปี 2022 โดยใช้ข้อมูลจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือที่เราได้รายงานไว้ก่อนหน้านี้บน MacRumors เราจะปรับปรุงบทความนี้อย่างต่อเนื่องเมื่อมีข่าวลือใหม่ๆ เกิดขึ้นก่อนงาน “It’s glowtime” ของ Apple ซึ่งจะจัดขึ้นในวันจันทร์ที่ 9 กันยายน

ด้านการออกแบบ

iPhone 16 Pro ยังคงใช้โครงสร้างไทเทเนียมเกรดอากาศยานที่มีความแข็งแรงและน้ำหนักเบา แต่ได้ปรับให้ขอบเครื่องมีลักษณะขัดด้านและโค้งมนเล็กน้อย เพื่อความสวยงามและจับถนัดมือยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเพิ่มปุ่ม Capture แบบสัมผัสสำหรับการถ่ายภาพและวิดีโอ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถบันทึกภาพและวิดีโอได้อย่างรวดเร็วและสะดวกมากขึ้น ระบบระบายความร้อนได้รับการปรับปรุงด้วยแผ่นกราฟีนและแบตเตอรี่หุ้มโลหะ ช่วยให้อุปกรณ์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้ในสภาวะที่ต้องใช้งานหนัก iPhone 16 Pro มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ Black, White, Natural และ Desert Titanium ซึ่งสะท้อนถึงความหรูหราและทันสมัย

หน้าจอ

iPhone 16 Pro ได้รับการพัฒนาให้มีขนาดใหญ่ขึ้น โดยรุ่นปกติมีขนาด 6.3 นิ้ว และรุ่น Max มีขนาด 6.9 นิ้ว ทั้งคู่ใช้เทคโนโลยี OLED ประสิทธิภาพสูงพร้อมไมโครเลนส์ ซึ่งให้ความสว่างและความคมชัดที่เหนือชั้น นอกจากนี้ ขอบจอยังบางลงกว่าเดิม ทำให้อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงขึ้น มอบประสบการณ์การรับชมที่เต็มตาและสมจริงยิ่งขึ้น

ด้านประสิทธิภาพ

iPhone 16 Pro ใช้ชิพ A18 ที่ผลิตด้วยกระบวนการ 3 นาโนเมตร ซึ่งไม่เพียงแต่ให้ประสิทธิภาพที่สูงขึ้น แต่ยังประหยัดพลังงานมากขึ้นด้วย พร้อมกับ Neural Engine ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ช่วยเพิ่มขีดความสามารถด้านปัญญาประดิษฐ์และการประมวลผลภาพ นอกจากนี้ยังเพิ่มหน่วยความจำเป็น 8 GB ช่วยให้การทำงานหลายแอปพลิเคชันพร้อมกันเป็นไปอย่างราบรื่น

ระบบกล้อง

ของ iPhone 16 Pro ได้รับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะกล้องหลักที่ใช้เซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ขึ้น ช่วยให้รับแสงได้มากขึ้นและให้ภาพที่คมชัดแม้ในสภาพแสงน้อย กล้อง Ultra Wide เพิ่มความละเอียดเป็น 48 ล้านพิกเซล ทำให้ภาพมุมกว้างมีรายละเอียดสูงขึ้น และกล้อง Telephoto รองรับการซูมออปติคอลถึง 5 เท่า ช่วยให้ถ่ายภาพระยะไกลได้อย่างมีคุณภาพ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ใหม่อย่าง Smart HDR 5 และ Night mode ที่ได้รับการปรับปรุง ช่วยให้ภาพถ่ายมีความสมดุลและสวยงามในทุกสภาพแสง

แบตเตอรี่

ของ iPhone 16 Pro ใช้เทคโนโลยีแบบซ้อนชั้น ทำให้มีความจุเพิ่มขึ้นโดยไม่เพิ่มขนาด รองรับการชาร์จแบบมีสายเร็วขึ้นถึง 40W และชาร์จไร้สายผ่าน MagSafe ที่ 20W ช่วยให้ผู้ใช้สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้อย่างรวดเร็วและสะดวกยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ iPhone 16 Pro ยังมาพร้อมคุณสมบัติพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย เช่น การรองรับ Apple Intelligence ด้วย iOS 18.1 ซึ่งนำเสนอฟีเจอร์ AI ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งานประจำวัน ไมโครโฟนคุณภาพสูงที่ให้เสียงชัดเจนแม้ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวน ความเร็วการถ่ายโอนข้อมูล USB 3 ที่เร็วขึ้นถึง 20 เท่า ช่วยให้การส่งไฟล์ขนาดใหญ่เป็นไปอย่างรวดเร็ว การรองรับ DisplayPort สำหรับส่งออกวิดีโอ 4K HDR ทำให้สามารถเชื่อมต่อกับจอภาพภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ และความจุสูงสุดถึง 2TB ซึ่งให้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลมากพอสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเก็บไฟล์จำนวนมาก

ด้วยการปรับปรุงกว่า 60 รายการ iPhone 16 Pro จึงนับเป็นการอัพเกรดที่มีนัยสำคัญ ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้ iPhone 14 Pro หลายคนพิจารณาว่าการเปลี่ยนมาใช้ iPhone 16 Pro นั้นคุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นนักถ่ายภาพมือโปรที่ต้องการกล้องคุณภาพสูง นักธุรกิจที่ต้องการอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูงสำหรับการทำงาน หรือผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์การใช้งานสมาร์ทโฟนที่ล้ำสมัยที่สุด

ผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ iPhone 16 Pro ได้จากบทสรุมแบบครอบคลุมของ Apple ซึ่งจะมีการอัปเดตข้อมูลล่าสุดอย่างต่อเนื่องจนถึงวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ

อ้างอิง | Macrumors.com