วันนี้ Apple ได้ประกาศข่าวที่น่าตื่นเต้นเกี่ยวกับ Apple Intelligence ระบบปัญญาประดิษฐ์ส่วนบุคคลรุ่นใหม่ล่าสุด
โดยระบบนี้จะเริ่มให้บริการบนอุปกรณ์ iPhone, iPad และ Mac ตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป ผู้ใช้จะสามารถเข้าถึง Apple Intelligence ได้ผ่านการอัปเดตซอฟต์แวร์ iOS 18.1, iPadOS 18.1 และ macOS Sequoia 15.1 ตามลำดับ
Apple Intelligence เป็นการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีโมเดลเชิงสร้างและข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ตอบโจทย์และมีประสิทธิภาพสูงสุด ระบบนี้ทำงานบนอุปกรณ์โดยใช้ประสิทธิภาพของชิป Apple Silicon และเทคโนโลยี Private Cloud Compute เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประมวลผล
ในช่วงแรก Apple Intelligence จะรองรับการใช้งานเฉพาะภาษาอังกฤษแบบสหรัฐอเมริกา และจะขยายการรองรับไปยังภาษาอังกฤษในประเทศอื่นๆ เช่น ออสเตรเลีย แคนาดา นิวซีแลนด์ แอฟริกาใต้ และสหราชอาณาจักรในเดือนธันวาคม 2567 สำหรับภาษาอื่นๆ อาทิ ภาษาอังกฤษแบบสิงคโปร์ ภาษาฝรั่งเศส ภาษาญี่ปุ่น และภาษาสเปน จะได้รับการรองรับในปีถัดไป
Apple Intelligence มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่น่าสนใจหลายประการ เริ่มจาก Writing Tools ที่ช่วยในการเขียน ปรับแต่งข้อความ ตรวจสอบการสะกดคำ และสรุปเนื้อหาในแอปพลิเคชันต่างๆ นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือจัดการรูปภาพและวิดีโอที่ช่วยในการสร้างภาพยนตร์ ค้นหารูปภาพและวิดีโอด้วยภาษาธรรมชาติ รวมถึงลบวัตถุรบกวนในภาพได้อย่างแม่นยำ
ระบบบันทึกและถอดเสียงของ Apple Intelligence สามารถบันทึก ถอดข้อความ และสรุปเนื้อหาจากการสนทนาทางโทรศัพท์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ระบบจัดการการแจ้งเตือนอัจฉริยะช่วยจัดลำดับความสำคัญของการแจ้งเตือนและอีเมลได้อย่างชาญฉลาด
Siri ผู้ช่วยเสียงอัจฉริยะก็ได้รับการปรับปรุงให้มีความเป็นธรรมชาติและยืดหยุ่นมากขึ้น พร้อมดีไซน์ใหม่และความสามารถในการเข้าใจภาษาที่ซับซ้อนได้ดียิ่งขึ้น ทำให้การโต้ตอบระหว่างผู้ใช้และ Siri เป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
Apple ยังมีแผนที่จะเปิดตัวฟีเจอร์เพิ่มเติมในอนาคต เช่น Image Playground สำหรับสร้างภาพสร้างสรรค์ Image Wand สำหรับปรับแต่งโน้ตให้น่าสนใจยิ่งขึ้น และ Genmoji สำหรับสร้างอิโมจิแบบกำหนดเองตามความต้องการของผู้ใช้
ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้เป็นสิ่งที่ Apple ให้ความสำคัญสูงสุด Apple Intelligence จึงได้รับการออกแบบให้ใช้การประมวลผลบนอุปกรณ์เป็นหลัก และมีระบบ Private Cloud Compute ที่ช่วยรักษาความปลอดภัยของข้อมูลแม้ในกรณีที่ต้องใช้การประมวลผลบนคลาวด์
ผู้ใช้สามารถใช้งาน Apple Intelligence ได้ฟรีผ่านการอัปเดตซอฟต์แวร์ โดยจะรองรับอุปกรณ์ iPhone 16 ทุกรุ่น iPhone 15 Pro iPhone 15 Pro Max รวมถึง iPad และ Mac ที่ใช้ชิป M1 หรือรุ่นที่ใหม่กว่า ทั้งนี้ ผู้ใช้จะต้องตั้งค่าภาษาของ Siri เป็นภาษาอังกฤษแบบสหรัฐอเมริกาเพื่อใช้งานในช่วงแรก
ด้วยการเปิดตัว Apple Intelligence ครั้งนี้ Apple แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่ตอบโจทย์การใช้งานของผู้ใช้ในชีวิตประจำวัน พร้อมทั้งรักษาความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลไว้อย่างสูงสุด นับเป็นก้าวสำคัญของวงการเทคโนโลยีที่น่าจับตามองในอนาคตอันใกล้นี้