แอปเปิล เปิดตัว iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max สมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์รุ่นล่าสุด ที่มาพร้อมนวัตกรรมและการปรับปรุงหลายประการ แต่มีความแตกต่างจากรุ่นก่อนหน้ามากน้อยเพียงใด?
มาดูกันว่า iPhone 16 Pro ต่างจาก iPhone 15 Pro อย่างไร และคุ้มค่าแก่การอัปเกรดหรือไม่ พร้อมวิเคราะห์รายละเอียดทุกฟีเจอร์
หน้าจอใหญ่ขึ้น ชัดขึ้น สว่างขึ้น
iPhone 16 Pro และ Pro Max มาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้นที่ 6.3 นิ้วและ 6.9 นิ้วตามลำดับ เทียบกับ 6.1 นิ้วและ 6.7 นิ้วของรุ่นก่อน ความละเอียดหน้าจอเพิ่มขึ้นเป็น 2622 x 1206 พิกเซลสำหรับ Pro และ 2868 x 1320 พิกเซลสำหรับ Pro Max ในขณะที่ยังคงความหนาแน่นของพิกเซลที่ 460 ppi เท่าเดิม
ทั้งสองรุ่นยังคงใช้เทคโนโลยีหน้าจอ Super Retina XDR OLED พร้อม Dynamic Island, ProMotion ที่รองรับอัตรารีเฟรชสูงสุด 120Hz และ Always-On display เช่นเดียวกับรุ่นก่อน แต่มีการปรับปรุงความสว่างสูงสุดกลางแจ้งเป็น 2000 นิต จากเดิม 1600 นิต ทำให้สามารถมองเห็นหน้าจอได้ชัดเจนยิ่งขึ้นแม้ในสภาพแสงแดดจ้า
นอกจากนี้ ยังคงมีฟีเจอร์ True Tone ที่ปรับสมดุลสีหน้าจอให้เข้ากับสภาพแวดล้อม และ Haptic Touch ที่ให้การตอบสนองแบบสั่นเมื่อแตะหน้าจอ รวมถึงการรองรับสี Wide color (P3) ที่ให้ภาพสีสันสดใสและเป็นธรรมชาติ
ดีไซน์และวัสดุ: ไทเทเนียมเกรดสูงขึ้น แข็งแรงทนทานกว่าเดิม
iPhone 16 Pro ยังคงดีไซน์คล้ายรุ่นก่อน แต่มีการเพิ่มปุ่มควบคุมกล้องแบบกายภาพใหม่ ซึ่งช่วยให้การถ่ายภาพและวิดีโอทำได้สะดวกยิ่งขึ้น ตัวเครื่องใช้วัสดุไทเทเนียมเกรด 5 ซึ่งแข็งแรงกว่าเดิม ทำให้มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 199 กรัมสำหรับ Pro และ 227 กรัมสำหรับ Pro Max
ขนาดตัวเครื่องมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเพื่อรองรับหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น โดย iPhone 16 Pro มีขนาด 149.6 x 71.5 x 8.25 มม. และ Pro Max มีขนาด 163 x 77.6 x 8.25 มม. ทั้งสองรุ่นยังคงมาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP68 ที่สามารถทนแรงดันน้ำที่ความลึก 6 เมตรนานถึง 30 นาที
ด้านหน้ายังคงใช้กระจก Ceramic Shield ที่ทนทานต่อการตกกระแทก ส่วนด้านหลังเป็นกระจกแบบด้านที่ให้สัมผัสที่นุ่มนวลและลดรอยนิ้วมือ
ประสิทธิภาพทรงพลังด้วยชิป A18 Pro และ Apple Intelligence
ชิป A18 Pro ใน iPhone 16 Pro มีประสิทธิภาพสูงขึ้น โดย CPU เร็วขึ้น 15% และ GPU เร็วขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับ A17 Pro ใน iPhone 15 Pro นอกจากนี้ยังประหยัดพลังงานมากขึ้น 20% และมีความสามารถในการประมวลผล ray tracing เร็วขึ้น 2 เท่า ซึ่งช่วยให้การเล่นเกมและการใช้งานแอปพลิเคชันที่ต้องการประสิทธิภาพสูงทำได้ราบรื่นยิ่งขึ้น
ชิป A18 Pro ยังคงมีสถาปัตยกรรม 6 คอร์ แบ่งเป็น 2 คอร์ประสิทธิภาพสูงและ 4 คอร์ประหยัดพลังงาน พร้อม GPU 6 คอร์ และ Neural Engine 16 คอร์ สำหรับการประมวลผล AI โดยมี RAM 8GB เท่ากับรุ่นก่อน
ทั้ง iPhone 16 Pro และ Pro Max รองรับ Apple Intelligence ซึ่งเป็นเทคโนโลยี AI ล่าสุดของแอปเปิล ทำให้สามารถประมวลผลงานที่ซับซ้อนได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เช่น การแปลภาษาแบบเรียลไทม์ การสร้างภาพด้วย AI และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่
แบตเตอรี่อึดขึ้น ใช้งานได้นานขึ้น
iPhone 16 Pro มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยสามารถเล่นวิดีโอได้นานถึง 27 ชั่วโมง และเล่นเสียงได้นานถึง 85 ชั่วโมง เทียบกับ 23 ชั่วโมงและ 75 ชั่วโมงตามลำดับใน iPhone 15 Pro
สำหรับ iPhone 16 Pro Max สามารถเล่นวิดีโอได้นานถึง 33 ชั่วโมง และเล่นเสียงได้นานถึง 105 ชั่วโมง ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก iPhone 15 Pro Max ที่เล่นวิดีโอได้ 29 ชั่วโมงและเล่นเสียงได้ 95 ชั่วโมง
การเพิ่มประสิทธิภาพแบตเตอรี่นี้เป็นผลมาจากการออกแบบฮาร์ดแวร์ที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น รวมถึงการปรับปรุงซอฟต์แวร์ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
กล้องที่ดีขึ้นในทุกด้าน พร้อมฟีเจอร์ใหม่
ระบบกล้องของ iPhone 16 Pro และ Pro Max มีการปรับปรุงหลายประการ:
- กล้องหลัก 48MP ยังคงเดิม แต่มีการปรับปรุงเซ็นเซอร์ให้รับแสงได้ดีขึ้น
- เพิ่มกล้อง Ultra Wide เป็น 48MP จากเดิม 12MP ทำให้ถ่ายภาพมุมกว้างได้คมชัดยิ่งขึ้น
- กล้อง Telephoto 12MP มีซูมออปติคัล 5x ทั้งสองรุ่น (iPhone 15 Pro มีซูม 3x) ช่วยให้ถ่ายภาพระยะไกลได้คมชัดมากขึ้น
- ปุ่มควบคุมกล้องใหม่ช่วยให้ถ่ายภาพและวิดีโอได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยสามารถปรับโฟกัสและซูมได้อย่างรวดเร็ว
- รองรับการบันทึกวิดีโอ 4K Dolby Vision/HDR ที่ 120 fps ทำให้ได้วิดีโอคุณภาพสูงและเคลื่อนไหวนุ่มนวลยิ่งขึ้น
- เพิ่มฟีเจอร์ลดเสียงลมและ Audio Mix สำหรับการบันทึกเสียง ช่วยให้เสียงในวิดีโอคมชัดแม้ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวน
- กล้องหน้า TrueDepth 12MP มาพร้อม Photographic Styles รุ่นล่าสุด ที่ปรับแต่งโทนสีและคอนทราสต์ได้ตามความต้องการ
นอกจากนี้ ยังมีการปรับปรุงฟีเจอร์การถ่ายภาพอื่นๆ เช่น:
- Smart HDR 5 ที่ให้ภาพถ่ายมีช่วงไดนามิกที่กว้างขึ้น
- Night mode ที่ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้สวยงามยิ่งขึ้น
- Macro photography ที่ถ่ายภาพระยะใกล้ได้คมชัดในระดับมิลลิเมตร
- Apple ProRAW สำหรับการถ่ายภาพระดับมืออาชีพที่สามารถปรับแต่งได้อย่างละเอียด
การเชื่อมต่อและอินเทอร์เฟซ: เร็วขึ้น ทันสมัยกว่าเดิม
iPhone 16 Pro มาพร้อมพอร์ต USB-C แบบ USB 3 ความเร็วสูงสุด 10Gbps เช่นเดียวกับรุ่นก่อน แต่เพิ่มการรองรับ Wi-Fi 7 ซึ่งเร็วกว่า Wi-Fi 6E ใน iPhone 15 Pro อย่างมาก โดย Wi-Fi 7 สามารถรองรับความเร็วสูงสุดถึง 46 Gbps ทำให้การสตรีมวิดีโอ 4K และ 8K, การเล่นเกมออนไลน์ และการดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่ทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
สีสันและราคา
iPhone 16 Pro และ Pro Max มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ Black titanium, White titanium, Natural titanium และ Desert titanium โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 999 ดอลลาร์สำหรับรุ่น Pro ความจุ 128GB และ 1,199 ดอลลาร์สำหรับรุ่น Pro Max ความจุ 256GB
สรุป: ควรอัปเกรดหรือไม่?
iPhone 16 Pro และ Pro Max นำเสนอการปรับปรุงที่น่าสนใจในหลายด้าน โดยเฉพาะประสิทธิภาพกล้อง, จอภาพ, และแบตเตอรี่ แต่หากคุณใช้งาน iPhone 15 Pro อยู่แล้ว อาจไม่จำเป็นต้องอัปเกรดทันที เว้นแต่คุณต้องการฟีเจอร์ใหม่ๆ เช่น กล้อง Ultra Wide ความละเอียดสูง, ซูมออปติคัล 5x หรือการรองรับ Wi-Fi 7
สำหรับผู้ใช้ iPhone รุ่นเก่ากว่า การอัปเกรดเป็น iPhone 16 Pro อาจเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีล่าสุดและฟีเจอร์ที่ทันสมัยของแอปเปิล
อ้างอิง | 9to5mac.com