Apple ประกาศเปิดตัวชิป M4 Pro และ M4 Max สองชิปรุ่นใหม่ล่าสุดที่พัฒนาด้วยเทคโนโลยี 3 นาโนเมตร รุ่นที่ 2 มอบประสิทธิภาพสูงสุดพร้อมประหยัดพลังงาน พร้อมระบบ Neural Engine ที่เร็วขึ้นถึง 2 เท่า เสริมความแข็งแกร่งให้ตระกูลชิป M4 ในการรองรับงานด้าน AI
จอห์นนี่ สรูจิ รองประธานอาวุโสฝ่ายเทคโนโลยีฮาร์ดแวร์ของ Apple กล่าวว่า “Apple Silicon พา Mac ทะยานขึ้นไปอีกระดับอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ด้วยชิป M4 Pro และ M4 Max ที่มาพร้อมคอร์ CPU เร็วที่สุดในโลก, GPU ที่ทรงพลังขึ้น และ Neural Engine ที่เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา ทำให้ชิปตระกูล M4 ยังคงครองความเป็นผู้นำในฐานะกลุ่มชิปที่ล้ำหน้าที่สุดในอุตสาหกรรม”
ชิป M4 Pro มาพร้อม CPU แบบ 14-core ประกอบด้วยคอร์ประสิทธิภาพสูง 10 คอร์ และคอร์ประหยัดพลังงาน 4 คอร์ มอบความเร็วที่เหนือกว่า M1 Pro สูงสุด 1.9 เท่า และเร็วกว่าชิป AI PC ล่าสุดสูงสุด 2.1 เท่า พร้อม GPU 20-core ที่เร็วกว่า M4 ถึง 2 เท่า เหมาะสำหรับนักวิจัย นักพัฒนา วิศวกร และครีเอทีฟมืออาชีพ
ส่วนชิป M4 Max ถูกออกแบบมาสำหรับงานระดับโปรโดยเฉพาะ มาพร้อม CPU แบบ 16-core ที่มีคอร์ประสิทธิภาพสูง 12 คอร์ และคอร์ประหยัดพลังงาน 4 คอร์ เร็วกว่า M1 Max สูงสุด 2.2 เท่า พร้อม GPU 40-core ที่เร็วกว่า M1 Max สูงสุด 1.9 เท่า ตอบโจทย์การทำงานของนักวิทยาศาสตร์ข้อมูล ศิลปิน 3D และนักแต่งเพลง
ทั้งสองชิปรองรับ Thunderbolt 5 เป็นครั้งแรกบน Mac ด้วยความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุด 120Gb/s หรือเร็วกว่า Thunderbolt 4 เกิน 2 เท่า โดย M4 Pro รองรับหน่วยความจำสูงสุด 64GB พร้อมแบนด์วิดท์หน่วยความจำ 273GB/s ส่วน M4 Max รองรับสูงสุด 128GB พร้อมแบนด์วิดท์หน่วยความจำ 546GB/s
นวัตกรรมสำคัญของชิปทั้งสองรุ่นคือการรองรับ Apple Intelligence ระบบ AI อัจฉริยะสำหรับ Mac ที่ผสานรวมเจเนอเรทีฟโมเดลที่ทรงพลังเข้ากับการปกป้องความเป็นส่วนตัว โดยประมวลผลบนตัวเครื่องเป็นหลัก สำหรับงานที่ซับซ้อนจะใช้การประมวลผลบนคลาวด์แบบส่วนตัว (Private Cloud Compute) บนเซิร์ฟเวอร์ของ Apple
ด้านกราฟิก GPU ของชิปตระกูล M4 มาพร้อมเอนจิ้นเรย์เทรซซิ่งที่เร่งความเร็วด้วยฮาร์ดแวร์ เร็วขึ้น 2 เท่า ช่วยให้เกมมีความสมจริงมากขึ้น และการเรนเดอร์งาน 3D ทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ M4 Max ยังมีมีเดียเอนจิ้นที่ประกอบด้วยเอนจิ้นเข้ารหัสวิดีโอ 2 ตัว และตัวเร่งความเร็ว ProRes อีก 2 ตัว เหมาะสำหรับงานตัดต่อวิดีโอระดับมืออาชีพ
ทั้งสองชิปยังใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อมด้วยการออกแบบให้ประหยัดพลังงาน รองรับการใช้งานแบตเตอรี่ได้นานถึง 24 ชั่วโมง สอดคล้องกับเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนของ Apple ภายในทศวรรษนี้ ช่วยลดการใช้พลังงานโดยรวมตลอดอายุการใช้งานของอุปกรณ์