แอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียยอดนิยม TikTok กำลังเผชิญกับการถูกแบนในสหรัฐอเมริกา หลังจากที่ ศาลอุทธรณ์เขตโคลัมเบีย ยืนยันคำตัดสินที่บังคับให้ ByteDance บริษัทแม่จากจีนต้องขายกิจการภายในเดือนมกราคมนี้ ตามรายงานจาก วอลล์สตรีท เจอร์นัล
ByteDance และผู้ใช้งานหลายรายได้คัดค้านร่างกฎหมายที่ผ่านเมื่อเดือนเมษายน โดยอ้างว่าละเมิดเสรีภาพในการแสดงออก อย่างไรก็ตาม ศาลได้ปฏิเสธข้อกล่าวอ้างดังกล่าว ทั้งนี้ กฎหมายฉบับนี้กำหนดให้ ByteDance มีเวลา 9 เดือนในการขายกิจการให้กับบริษัทที่ไม่ใช่สัญชาติจีน มิเช่นนั้น TikTok จะไม่สามารถให้บริการในสหรัฐอเมริกาได้
แม้ว่าการแบนจะมีผลในเดือนมกราคม แต่ TikTok มีแนวโน้มที่จะยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาสหรัฐฯ เพื่อขอระงับคำสั่งฉุกเฉิน จากนั้นศาลฎีกาจะพิจารณาว่าจะรับคดีไว้พิจารณาหรือไม่ ในระหว่างนี้ ByteDance ยังคงยืนยันจุดยืนที่จะไม่ขายกิจการ และแม้ว่าบริษัทจะยอมปฏิบัติตาม การขายก็ยังต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลจีน ซึ่งได้แสดงท่าทีคัดค้านการขายแอปพลิเคชันอย่างชัดเจน
หากการแบนมีผลบังคับใช้ Google และ Apple รวมถึงผู้ให้บริการแพลตฟอร์มอื่นๆ จะไม่สามารถให้บริการดาวน์โหลดหรืออัปเดตแอปพลิเคชันได้ นอกจากนี้ ผู้ให้บริการโฮสติ้งก็จะถูกห้ามไม่ให้รองรับการทำงานของแอป ส่งผลให้ผู้ใช้ในสหรัฐฯ ไม่สามารถดาวน์โหลดแอปได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีแอปติดตั้งอยู่แล้วยังคงสามารถใช้งานได้ตราบเท่าที่แอปยังทำงานได้
ByteDance ชี้แจงว่าการส่งมอบซอร์สโค้ดให้เจ้าของใหม่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ เนื่องจากต้องใช้เวลาหลายปีในการที่วิศวกรชุดใหม่จะทำความเข้าใจระบบได้ดีพอที่จะดูแลรักษาระบบประจำวัน การตัดสินใจครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งาน TikTok ในสหรัฐฯ กว่า 170 ล้านคน รวมถึงผู้สร้างคอนเทนต์และนักการตลาดที่พึ่งพาแพลตฟอร์มนี้ในการสร้างรายได้
สมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐฯ แสดงความกังวลว่า รัฐบาลจีน อาจบังคับให้ ByteDance ส่งมอบข้อมูลผู้ใช้ชาวอเมริกัน และอาจใช้ TikTok เป็นเครื่องมือในการเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อทางการเมือง ความกังวลนี้เพิ่มขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยเฉพาะในประเด็นด้านความมั่นคงทางไซเบอร์และการแข่งขันทางเทคโนโลยี
อ้างอิง | Macrumors.com