โตโยต้า ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น ประกาศเลื่อนกำหนดการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ออกไป หลังจากที่เดิมมีแผนจะเปิดตัวในปี 2026
โดยรถยนต์รุ่นใหม่นี้รวมถึงรถต้นแบบ Lexus LF-ZC และ LF-ZL ที่เคยจัดแสดงในงาน Japan Auto Show เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้แผนการเปิดตัวต้องเลื่อนออกไปจนถึงกลางปี 2027 เป็นอย่างเร็ว
สาเหตุของการเลื่อนแผนครั้งนี้มาจากความต้องการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการใช้เทคนิค giga-casting ซึ่งเป็นนวัตกรรมการผลิตที่ริเริ่มโดย Tesla ที่ช่วยลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มความเร็วในกระบวนการผลิต เทคนิคนี้ใช้การหล่อชิ้นส่วนขนาดใหญ่แบบชิ้นเดียว แทนการประกอบจากชิ้นส่วนย่อยหลายชิ้น ช่วยลดจำนวนชิ้นส่วนและขั้นตอนการประกอบ ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
โตโยต้า ยืนยันว่ายังคงมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า โดยบริษัทกำลังพัฒนาแบตเตอรี่สมรรถนะสูงที่มีระยะวิ่งมากกว่า 1,000 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP (Worldwide Harmonised Light Vehicle Test Procedure) ซึ่งเป็นมาตรฐานการทดสอบระยะทางการขับขี่ของยานยนต์ไฟฟ้าที่ใช้ในยุโรป พร้อมความสามารถในการชาร์จเร็ว สามารถชาร์จจาก 10% เป็น 80% ได้ภายในเวลาประมาณ 20 นาที นับเป็นการพัฒนาที่ก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับรุ่น bZ4X ที่มีระยะวิ่งตามมาตรฐาน WLTP สูงสุด 516 กิโลเมตร และ 406 กิโลเมตรตามมาตรฐาน EPA สำหรับรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า
การปรับแผนครั้งนี้ส่งผลให้เป้าหมายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของ โตโยต้า ลดลงเหลือ 1 ล้านคันภายในปี 2026 จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 1.5 ล้านคัน การปรับลดเป้าหมายนี้สอดคล้องกับแนวโน้มของอุตสาหกรรมที่ผู้ผลิตรายใหญ่อย่าง Ford, GM และ Volkswagen ต่างก็ชะลอแผนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเช่นกัน เนื่องจากความท้าทายด้านต้นทุนการผลิตและการตอบรับจากตลาดที่ยังไม่เป็นไปตามคาด
คุณชิเงกิ เทราชิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ โตโยต้า เน้นย้ำว่าการตัดสินใจครั้งนี้เป็นไปเพื่อรักษามาตรฐานคุณภาพและความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นค่านิยมหลักของบริษัทมาโดยตลอด การพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตแบบ giga-casting จำเป็นต้องใช้เวลาในการทดสอบและปรับแต่งให้เหมาะสมกับมาตรฐานการผลิตของ โตโยต้า
นอกจากนี้ โตโยต้า ยังเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่แบบของแข็ง (Solid-state Battery) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีแบตเตอรี่รุ่นใหม่ที่มีความปลอดภัยสูงและมีความหนาแน่นของพลังงานมากกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบเดิม คาดว่าจะสามารถนำมาใช้ในรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ได้ในอนาคต
การตัดสินใจของ โตโยต้า สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายของผู้ผลิตรถยนต์ในการเปลี่ยนผ่านจากเทคโนโลยีเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ใช้มานานหลายทศวรรษ การวางแผนอย่างรอบคอบเพื่อสร้างสมดุลระหว่างความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ประสิทธิภาพการผลิต และพลวัตของตลาดที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เป็นสิ่งสำคัญที่จะกำหนดความสำเร็จในตลาดยานยนต์ไฟฟ้าที่มีการแข่งขันสูงในอนาคต
อ้างอิง | Arenaev.com