![](https://www.techhausth.com/wp-content/uploads/2025/02/MateXT-2-807x454.jpg)
หัวเว่ย ประกาศศักราชใหม่แห่งนวัตกรรม เปิดตัว HUAWEI Mate XT | ULTIMATE DESIGN สมาร์ทโฟนจอพับสามทบเชิงพาณิชย์รุ่นแรกของโลก พร้อมผลิตภัณฑ์เรือธงอีก 3 รายการในงาน HUAWEI Innovative Product Launch ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์
บริษัท หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (CBG) ได้จัดงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยมีไฮไลท์สำคัญคือการเปิดตัว HUAWEI Mate XT | ULTIMATE DESIGN สมาร์ทโฟนจอพับสามทบเชิงพาณิชย์รุ่นแรกของโลก ซึ่งนับเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมอุปกรณ์จอพับ การเปิดตัวครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการสมาร์ทโฟน เนื่องจากเป็นการพลิกโฉมแนวคิดการออกแบบที่เคยมีมาและยกระดับการใช้งานอุปกรณ์พกพาสู่มิติใหม่
นวัตกรรมล้ำสมัยของ HUAWEI Mate XT | ULTIMATE DESIGN
HUAWEI Mate XT | ULTIMATE DESIGN ได้ทำลายข้อจำกัดของเทคโนโลยีจอพับ ด้วยหน้าจอแบบสามพับที่บางที่สุดในโลกเพียง 3.6 มิลลิเมตร และยังเป็นจอแสดงผลแบบพับได้ที่ใหญ่ที่สุดในขณะนี้ คือ 10.2 นิ้วเมื่อกางออกเต็มที่ เมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนจอพับทั่วไปในท้องตลาดที่มักมีความหนาระหว่าง 5-6 มิลลิเมตร จะเห็นได้ชัดว่า HUAWEI Mate XT ได้ทำลายสถิติด้านความบางลงอย่างสิ้นเชิง
![](http://www.techhausth.com/wp-content/uploads/2025/02/MateXT-1-1024x683.jpg)
นวัตกรรมดังกล่าวพัฒนาขึ้นด้วยระบบบานพับที่มีความแม่นยำขั้นสูงและกระจกบางเฉียบ (ultra-thin glass) ขนาดพิเศษถึง 322 ตารางเซนติเมตร การผลิตกระจกบางเฉียบในขนาดใหญ่ขนาดนี้นับเป็นความท้าทายทางวิศวกรรมที่สำคัญ เนื่องจากต้องรักษาสมดุลระหว่างความบางและความทนทาน วิศวกรของ หัวเว่ย ได้พัฒนาเทคโนโลยีเฉพาะทางที่เรียกว่า “Falcon Wing Hinge Technology” ซึ่งใช้ชิ้นส่วนนาโนเซรามิกความแม่นยำสูงกว่า 200 ชิ้น เพื่อให้กลไกการพับทำงานได้อย่างราบรื่นและมีความทนทานสูง
กระบวนการผลิตหน้าจอของ HUAWEI Mate XT ต้องผ่านการตรวจสอบคุณภาพอย่างเข้มงวดมากกว่า 200 ขั้นตอน รวมถึงการทดสอบการพับซ้ำมากกว่า 400,000 ครั้งภายใต้อุณหภูมิที่แตกต่างกันเพื่อรับประกันความทนทานในการใช้งานจริง แผงหน้าจอนี้ยังได้รับการเคลือบด้วยสารพิเศษที่พัฒนาขึ้นเฉพาะเพื่อลดรอยขีดข่วนและป้องกันรอยนิ้วมือ
อีกหนึ่งความพิเศษของ HUAWEI Mate XT | ULTIMATE DESIGN คือเป็นสมาร์ทโฟนจอพับรุ่นแรกที่รองรับการพับทั้งเข้าและออกได้พร้อมกัน (bi-directional folding) ทำให้ผู้ใช้สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเรียกดูแนวนอน แนวตั้ง หรือเพลิดเพลินกับหน้าจอขนาดใหญ่แบบเต็มพื้นที่
ความสามารถในการพับแบบ bi-directional นี้ต้องอาศัยการออกแบบซอฟต์แวร์ที่ซับซ้อนเพื่อให้ระบบปฏิบัติการสามารถปรับตัวได้อย่างราบรื่นตามรูปแบบการพับที่แตกต่างกัน หัวเว่ย ได้พัฒนาอัลกอริธึมเฉพาะที่เรียกว่า “Adaptive Display Intelligence” ซึ่งจะตรวจจับมุมการพับและรูปแบบการถือของผู้ใช้ แล้วปรับการแสดงผลให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติภายในเวลาเพียง 0.2 วินาที
นอกจากนี้ การออกแบบซอฟต์แวร์ยังรองรับการใช้งานแบบแบ่งหน้าจอเพื่อการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน (มัลติทาสก์) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ใช้สามารถเปิดแอปพลิเคชันได้พร้อมกันสูงสุดถึง 4 แอปในหนึ่งหน้าจอ โดยแต่ละแอปจะทำงานอย่างราบรื่นโดยไม่กระทบประสิทธิภาพการทำงานของแอปอื่นๆ ฟีเจอร์นี้ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับมืออาชีพที่ต้องการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน เช่น การจดบันทึกขณะเข้าประชุมทางวิดีโอ หรือการแก้ไขเอกสารพร้อมกับการดูข้อมูลอ้างอิง
ระบบกล้องระดับมืออาชีพที่ปฏิวัติวงการถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟน
นอกจากนวัตกรรมด้านการแสดงผลแล้ว HUAWEI Mate XT | ULTIMATE DESIGN ยังมาพร้อมระบบกล้อง Ultra Aperture XMAGE ที่มีรูรับแสงทางกายภาพปรับได้ถึง 10 ระดับ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพได้คมชัดในระดับมืออาชีพ นี่เป็นนวัตกรรมกล้องสมาร์ทโฟนที่ไม่เคยมีมาก่อน เนื่องจากกล้องสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่จะมีรูรับแสงคงที่ แต่ HUAWEI Mate XT นำเสนอรูรับแสงแบบปรับได้เหมือนกล้อง DSLR ระดับมืออาชีพ
ระบบกล้อง XMAGE ได้รับการพัฒนาร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านการถ่ายภาพระดับโลกจาก Leica ประกอบด้วยเซ็นเซอร์หลักขนาด 1/1.4 นิ้ว ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเลนส์ที่มีค่ารูรับแสงสามารถปรับได้ระหว่าง f/1.4 ถึง f/4.0 ทำให้ผู้ใช้สามารถควบคุมความชัดลึกได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะต้องการถ่ายภาพบุคคลที่เบลอฉากหลังอย่างนุ่มนวลหรือภาพทิวทัศน์ที่คมชัดทั้งภาพ
กล้องเซ็นเซอร์ที่สองเป็นเลนส์ ultra-wide ความละเอียด 40 ล้านพิกเซล มุมกว้าง 120 องศา และกล้องเซ็นเซอร์ที่สามเป็นเลนส์ telephoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซลที่สามารถซูมได้ถึง 5x optical zoom และ 100x digital zoom ด้วยระบบกันสั่น OIS และ EIS ขั้นสูง
ชุดกล้องนี้ยังมาพร้อมเทคโนโลยี XD Fusion Pro Image Engine ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อประมวลผลภาพขั้นสูง ปรับแสงเงาอัตโนมัติ ลดนอยซ์ในที่แสงน้อย และปรับสีสันให้ดูเป็นธรรมชาติ ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพโหมด night mode ที่สว่างและคมชัดแม้ในสภาพแสงต่ำสุด หรือถ่ายภาพ macro ระยะประชิดที่เก็บรายละเอียดได้อย่างน่าทึ่ง
HUAWEI Mate XT ยังมาพร้อมโหมดถ่ายภาพพิเศษที่ผสมผสานเทคโนโลยี AI ขั้นสูง เช่น AI Best Moment ที่จะถ่ายภาพต่อเนื่องและเลือกช็อตที่ดีที่สุดโดยอัตโนมัติ AI Remove Passerby ที่สามารถลบคนแปลกหน้าออกจากภาพท่องเที่ยว และ AI Portrait Enhancement ที่ปรับแต่งภาพบุคคลให้ดูเป็นธรรมชาติโดยไม่เกินจริง
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายวิดีโอ HUAWEI Mate XT สามารถบันทึกวิดีโอความละเอียด 4K ที่ 60fps พร้อมโหมด Cinematic Mode ที่สร้างเอฟเฟกต์ความชัดลึกแบบภาพยนตร์ โดยสามารถปรับจุดโฟกัสได้แม้หลังการถ่ายทำ และระบบ Dual-View Video ที่สามารถบันทึกภาพจากกล้องหน้าและกล้องหลังพร้อมกัน เหมาะสำหรับการทำ Vlog หรือสร้างคอนเทนต์ออนไลน์
พลังประมวลผลสุดทรงพลังและแบตเตอรี่ที่ทนทาน
ภายใน HUAWEI Mate XT | ULTIMATE DESIGN ขับเคลื่อนด้วยชิปประมวลผล Kirin 9000s ที่ผลิตด้วยกระบวนการ 7nm ล่าสุด ประกอบด้วย CPU แบบ octa-core ที่มีความเร็วสูงสุด 2.62GHz พร้อม GPU Mali-G78 และหน่วยประมวลผล NPU เฉพาะทางสำหรับงาน AI ชิปเซ็ตนี้ไม่เพียงแต่มอบประสิทธิภาพการทำงานที่รวดเร็ว แต่ยังมีประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงานที่สูงขึ้น 20% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
แม้จะมีหน้าจอขนาดใหญ่ แต่ HUAWEI Mate XT ยังคงรักษาประสิทธิภาพแบตเตอรี่ได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยแบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh ที่รองรับการใช้งานต่อเนื่องได้ตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว HUAWEI SuperCharge 66W ที่สามารถชาร์จจาก 0% เป็น 80% ในเวลาเพียง 38 นาที และรองรับการชาร์จไร้สาย 50W พร้อมฟีเจอร์ reverse wireless charging ที่สามารถใช้สมาร์ทโฟนเป็นแท่นชาร์จสำหรับอุปกรณ์อื่นๆ ได้
ระบบระบายความร้อนของ HUAWEI Mate XT ก็ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อการใช้งานที่ต่อเนื่องและเล่นเกมที่ใช้ทรัพยากรสูง ด้วยเทคโนโลยี Graphene Vapor Chamber ที่มีพื้นที่ระบายความร้อนมากกว่า 18,000 ตร.มม. ทำให้อุณหภูมิของเครื่องคงที่แม้ในการใช้งานหนักติดต่อกันเป็นเวลานาน
ระบบปฏิบัติการและความปลอดภัยขั้นสูง
HUAWEI Mate XT | ULTIMATE DESIGN ทำงานบนระบบปฏิบัติการ HarmonyOS 4.0 ล่าสุดที่ได้รับการปรับแต่งมาโดยเฉพาะเพื่อรองรับการใช้งานบนหน้าจอสามพับ ระบบนี้มาพร้อมฟีเจอร์ Super Device ที่ช่วยให้การเชื่อมต่อและทำงานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์ หัวเว่ย ทั้งหมดเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นแท็บเล็ต สมาร์ทวอทช์ หรือลำโพงอัจฉริยะ
ด้านความปลอดภัย HUAWEI Mate XT มาพร้อมระบบสแกนใบหน้า 3 มิติที่ใช้เซ็นเซอร์ ToF (Time of Flight) เพื่อสร้างแบบจำลองใบหน้าแบบสามมิติที่แม่นยำและปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอแบบอัลตราโซนิค ที่ทำงานได้แม้นิ้วเปียกหรือมีคราบสกปรกเล็กน้อย
สำหรับการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล HUAWEI ได้พัฒนาระบบ Privacy Firewall ที่ตรวจสอบและควบคุมการเข้าถึงข้อมูลของแอปพลิเคชันต่างๆ อย่างเข้มงวด พร้อมระบบ Distributed Security ที่สร้างพื้นที่จัดเก็บข้อมูลแยกส่วนสำหรับข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลการทำงาน
HUAWEI MatePad Pro 13.2 2025 แท็บเล็ตเพื่อมืออาชีพที่เหนือกว่าความคาดหมาย
![](http://www.techhausth.com/wp-content/uploads/2025/02/MatePad-Pro-13.2-Kelson-Tan-1024x471.jpg)
ในงานเดียวกันนี้ หัวเว่ย ยังได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อีก 3 รายการ โดยเริ่มจาก HUAWEI MatePad Pro 13.2 2025 แท็บเล็ตระดับเรือธงที่มาพร้อมนวัตกรรมล้ำสมัยหลายประการ
HUAWEI MatePad Pro 13.2 2025 นำเสนอประสบการณ์การใช้งานแท็บเล็ตระดับพีซี ด้วยหน้าจอ Flexible OLED PaperMatte ขนาด 13.2 นิ้ว ความสว่างสูงถึง 1000 nits ความละเอียด 2.8K (2800 x 1840 พิกเซล) พร้อมความแม่นยำสีระดับมืออาชีพที่ครอบคลุม 100% ของ P3 color gamut ทำให้ภาพที่แสดงผลมีความสมจริงและคมชัดยิ่งขึ้น
เทคโนโลยี PaperMatte ที่ใช้ในหน้าจอนี้เป็นนวัตกรรมที่ หัวเว่ย พัฒนาขึ้นเพื่อลดแสงสะท้อนและรอยนิ้วมือ ให้ความรู้สึกเหมือนการเขียนบนกระดาษจริง เหมาะสำหรับการเขียนโน้ต วาดภาพ หรืออ่านเอกสารเป็นเวลานาน โดยไม่เกิดความล้าต่อดวงตา หน้าจอนี้ยังรองรับอัตรารีเฟรชแบบปรับเปลี่ยนได้ตั้งแต่ 30Hz ถึง 144Hz โดยระบบจะปรับอัตรารีเฟรชให้เหมาะสมกับการใช้งานแต่ละประเภทเพื่อประหยัดพลังงาน
อุปกรณ์รุ่นนี้รองรับแอปพลิเคชันระดับพีซีอย่าง WPS Office ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแก้ไขเอกสารและนำเสนองานได้เหมือนใช้งานคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล รองรับการใช้งานทั้งแบบสัมผัส คีย์บอร์ด และเมาส์ ทำให้สลับการทำงานระหว่างพีซีกับแท็บเล็ตได้อย่างราบรื่น ฟีเจอร์ Desktop Mode จะปรับอินเทอร์เฟซให้คล้ายกับระบบปฏิบัติการเดสก์ท็อป พร้อมหน้าต่างหลายขนาดที่สามารถปรับขนาดและซ้อนทับกันได้เหมือนการใช้งานบนวินโดวส์หรือแมค
นอกจากนี้ HUAWEI MatePad Pro 13.2 2025 ยังมาพร้อมแอปพลิเคชันเฉพาะทางอย่าง HUAWEI Notes และ GoPaint App ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและความคิดสร้างสรรค์ HUAWEI Notes รองรับการจัดการโน้ตในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเขียนด้วยลายมือ การพิมพ์ข้อความ การแทรกรูปภาพ หรือการบันทึกเสียง โดยสามารถค้นหาข้อความแม้ในโน้ตที่เขียนด้วยลายมือได้อย่างแม่นยำด้วย AI handwriting recognition
ส่วน GoPaint App เป็นแอปพลิเคชันวาดภาพมืออาชีพที่มีแปรงวาดมากกว่า 300 แบบ พร้อมการจำลองวัสดุศิลปะหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นสีน้ำ สีน้ำมัน สีอะคริลิก หรือดินสอ แอปนี้ยังรองรับการแบ่งชั้นภาพ (layer) เหมือนโปรแกรม Photoshop พร้อมระบบผสมสีและการปรับแต่งภาพขั้นสูงเพื่อรองรับการทำงานของนักออกแบบและศิลปินมืออาชีพ
แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 10,100 mAh (แบบเซลล์คู่เทียบเท่า 5,050 mAh ที่ 7.7V) ทำให้แท็บเล็ตมีอายุการใช้งานยาวนานถึง 12 ชั่วโมงสำหรับการรับชมวิดีโอต่อเนื่อง หรือ 8 ชั่วโมงสำหรับการทำงานหนัก และด้วยเทคโนโลยี HUAWEI SuperCharge 100W จึงสามารถชาร์จจนเต็มได้ภายในเวลาเพียง 65 นาที
ด้านอุปกรณ์เสริม HUAWEI MatePad Pro 13.2 2025 รองรับ HUAWEI M-Pencil (3rd generation) ที่มีความแม่นยำสูงและความไวต่อแรงกด 10,000 ระดับ พร้อมเทคโนโลยี NearLink ที่ลดความหน่วงให้ต่ำเพียง 2ms เท่านั้น นอกจากนี้ยังมี HUAWEI Smart Magnetic Keyboard ที่มีระยะการกดปุ่ม 1.5mm เพื่อความรู้สึกในการพิมพ์ที่ดีและ precision touchpad ที่รองรับการใช้ท่าทางหลายนิ้ว (multi-gesture)
HUAWEI FreeArc นวัตกรรมหูฟังแบบเปิดหูที่พลิกโฉมวงการเครื่องเสียงพกพา
![](http://www.techhausth.com/wp-content/uploads/2025/02/FreeArc-Fara-1024x713.jpg)
อีกหนึ่งไฮไลท์ในงานคือการเปิดตัว HUAWEI FreeArc หูฟังแบบเปิดหู (Open-Ear) รุ่นแรกของ หัวเว่ย ที่มาพร้อมดีไซน์เกี่ยวหูแบบ C-Bridge อันเป็นเอกลักษณ์ พัฒนาด้วยวัสดุโลหะผสมหน่วยความจำ Ni-Ti ขนาด 0.7 มิลลิเมตร ให้ความยืดหยุ่นและโค้งรับสรีระหูได้อย่างลงตัว โลหะ Ni-Ti (นิกเกิล-ไทเทเนียม) นี้เป็นวัสดุพิเศษที่ใช้ในอุตสาหกรรมการแพทย์และอวกาศ มีคุณสมบัติ “จำรูป” (shape memory) ทำให้สามารถปรับรูปทรงเพื่อรองรับสรีระหูที่แตกต่างกัน แต่ยังคงกลับสู่รูปทรงเดิมได้อย่างสมบูรณ์แม้หลังการใช้งานระยะยาว
HUAWEI FreeArc ได้รับการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ ด้วยมุมรองรับแบบสามเหลี่ยม 140 องศา ซึ่งเป็นมุมที่ได้รับการวิจัยแล้วว่าให้ความสบายสูงสุดสำหรับโครงสร้างใบหูของมนุษย์ ตัวหูฟังหุ้มด้วยซิลิโคนเหลวชนิดอ่อนโยนต่อผิวหนังถึง 81.5% โดยซิลิโคนประเภทนี้ผ่านการทดสอบการแพ้และระคายเคืองตามมาตรฐาน ISO 10993 ทำให้ผู้ใช้สามารถสวมใส่ได้เป็นเวลานานโดยไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองหรือความไม่สบาย
นอกเหนือจากความสบายในการสวมใส่แล้ว HUAWEI FreeArc ยังให้คุณภาพเสียงยอดเยี่ยมด้วยไดรเวอร์แบบพิเศษขนาด 17 x 12 มิลลิเมตร ที่ใหญ่กว่าไดรเวอร์ในหูฟัง true wireless ทั่วไปถึง 25% ส่งผลให้มีพื้นที่ในการสร้างเสียงมากขึ้น โดยเฉพาะในย่านเสียงต่ำ หูฟังนี้ได้รับการออกแบบโครงสร้างอะคูสติกแบบสมมาตร (Symmetric Acoustic Architecture) ที่ช่วยกระจายเสียงไปยังหูได้อย่างเท่ากันและสมดุล
เทคโนโลยีเพิ่มเสียงเบสของ HUAWEI FreeArc อาศัยระบบ Adaptive Bass Enhancement ที่วิเคราะห์ความถี่เสียงแบบเรียลไทม์และเพิ่มความลึกของเสียงทุ้มโดยไม่บดบังย่านความถี่อื่น นอกจากนี้ยังมีระบบปรับสมดุลเสียงอัตโนมัติที่ใช้ไมโครโฟน 3 ตัวเพื่อตรวจจับสภาพแวดล้อมโดยรอบและปรับแต่งคุณภาพเสียงให้เหมาะสม ไม่ว่าจะอยู่ในห้องเงียบ บนถนนที่มีเสียงรบกวน หรือในรถไฟฟ้าที่มีเสียงดังต่อเนื่อง
ด้วยมาตรฐานกันน้ำ IP57 HUAWEI FreeArc จึงสามารถใช้งานได้ในสภาพอากาศเปียกชื้น ทนต่อเหงื่อและละอองน้ำ และสามารถล้างน้ำสะอาดได้หากเปื้อนฝุ่นหรือสิ่งสกปรก ทำให้เหมาะสำหรับการออกกำลังกายหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง ปั่นจักรยาน หรือโยคะ หูฟังยังมีน้ำหนักเบาเพียง 12 กรัมต่อข้าง ทำให้ผู้ใช้แทบไม่รู้สึกถึงน้ำหนักแม้สวมใส่เป็นเวลานาน
แบตเตอรี่ของ HUAWEI FreeArc ให้การใช้งานต่อเนื่องได้นานถึง 8 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และเมื่อรวมกับพลังงานจากเคสชาร์จ จะสามารถใช้งานได้รวมถึง 36 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังรองรับการชาร์จเร็ว โดยชาร์จเพียง 10 นาทีให้การใช้งานได้นานถึง 3 ชั่วโมง การเชื่อมต่อใช้เทคโนโลยี Bluetooth 5.3 ล่าสุดที่ประหยัดพลังงานและให้สัญญาณเสถียรในระยะไกลถึง 10 เมตร
HUAWEI Band 10 ยกระดับการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมด้วยเทคโนโลยี AI
![](http://www.techhausth.com/wp-content/uploads/2025/02/Band-10-1024x357.jpg)
สำหรับ HUAWEI Band 10 นั้นถือเป็นอุปกรณ์สวมใส่ที่ช่วยดูแลสุขภาพแบบองค์รวม มาพร้อมฟีเจอร์ Enhanced Sleep Health Assistant ที่วิเคราะห์รูปแบบการนอนหลับของผู้ใช้จากข้อมูล HRV (Heart Rate Variability หรือความแปรปรวนของอัตราการเต้นของหัวใจ) พร้อมให้คำแนะนำที่นำไปใช้ได้จริงเพื่อช่วยปรับปรุงคุณภาพการนอน
เทคโนโลยีติดตามการนอนหลับของ HUAWEI Band 10 ได้รับการพัฒนาร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนและนักวิจัยจากสถาบันวิจัยชั้นนำหลายแห่งทั่วโลก อุปกรณ์สามารถแยกแยะระยะการนอนหลับได้แม่นยำถึง 7 ระยะ ได้แก่ ตื่นตัว ผ่อนคลาย ง่วงนอน หลับตื้น หลับลึก หลับ REM และตื่นนอน ข้อมูลเหล่านี้จะถูกวิเคราะห์เพื่อสร้างคะแนนคุณภาพการนอนหลับ พร้อมคำแนะนำเฉพาะบุคคลเพื่อปรับปรุงรูปแบบการนอน
นอกจากนี้ HUAWEI Band 10 ยังมีฟีเจอร์ Emotional Wellbeing Assistant ที่ติดตามการเปลี่ยนแปลงทางสรีระและสภาวะอารมณ์ตลอดวันด้วยข้อมูลสุขภาพแบบเรียลไทม์ โดยระบบจะวิเคราะห์ข้อมูลการเต้นของหัวใจ ความเครียด กิจกรรมประจำวัน และรูปแบบการหายใจ เพื่อประเมินสภาวะอารมณ์ทั้ง 7 แบบ ได้แก่ ผ่อนคลาย สงบ มีความสุข กระตือรือร้น เครียด วิตกกังวล และเศร้า
ข้อมูลเหล่านี้จะแสดงในรูปแบบกราฟที่เข้าใจง่าย พร้อมหน้าปัดธีมแพนด้าแบบอินเทอร์แอคทีฟที่แสดงอารมณ์ตามสภาวะของผู้ใช้ และเมื่อระบบตรวจพบว่าผู้ใช้มีความเครียดหรือวิตกกังวลสูง จะแนะนำกิจกรรมผ่อนคลายเช่นการหายใจแบบลึก การนั่งสมาธิระยะสั้น หรือการเดินช้าๆ เพื่อปรับสมดุลอารมณ์
HUAWEI Band 10 ยังมาพร้อมฟีเจอร์ติดตามสุขภาพอื่นๆ อีกมากมาย เช่น การวัดออกซิเจนในเลือด (SpO2) แบบต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง การติดตามอัตราการเต้นของหัวใจตลอดวัน การประเมินความเครียด และการติดตามรอบเดือนสำหรับผู้ใช้ผู้หญิง นอกจากนี้ยังมีโหมดติดตามการออกกำลังกายมากกว่า 100 ประเภท โดยสามารถระบุประเภทการออกกำลังกาย 11 ชนิดได้โดยอัตโนมัติ
ด้านการออกแบบ HUAWEI Band 10 มีหน้าจอ AMOLED ขนาด 1.47 นิ้ว ความละเอียด 368 x 194 พิกเซล พร้อมความสว่างสูงสุดถึง 500 nits ทำให้อ่านได้ชัดเจนแม้ใช้งานกลางแจ้ง ตัวเรือนมีความหนาเพียง 8.99 มิลลิเมตรและน้ำหนักเบาเพียง 26 กรัม ทำให้สวมใส่สบายตลอดวัน สายรัดทำจากซิลิโคนคุณภาพสูงที่ปราศจากสารก่อภูมิแพ้ อ่อนนุ่ม และระบายอากาศได้ดี มีให้เลือกหลากหลายสี
แบตเตอรี่ของ HUAWEI Band 10 ใช้งานได้นานถึง 14 วันในการใช้งานทั่วไป หรือ 10 วันในการใช้งานหนัก การชาร์จเต็มใช้เวลาเพียง 65 นาทีด้วยแท่นชาร์จแม่เหล็ก และรองรับมาตรฐานกันน้ำ 5ATM ที่สามารถใช้งานขณะว่ายน้ำได้
นวัตกรรม E-Wallet QR Payment บนอุปกรณ์สวมใส่ เพิ่มความสะดวกในการชำระเงิน
![](http://www.techhausth.com/wp-content/uploads/2025/02/Awards-James-1024x352.jpg)
อีกหนึ่งความพิเศษสำหรับผู้ใช้อุปกรณ์สวมใส่ของ หัวเว่ย คือฟีเจอร์ E-Wallet QR Payment ที่รองรับการชำระเงินด้วย QR Code ผ่านกระเป๋าสตางค์อิเล็กทรอนิกส์ อาทิ Touch ‘n Go (มาเลเซีย), GCash (ฟิลิปปินส์) และ MPay (มาเก๊า, จีน) ทำให้ผู้ใช้สามารถทำธุรกรรมการเงินได้อย่างสะดวกและปลอดภัยจากข้อมือโดยไม่ต้องหยิบโทรศัพท์
ฟีเจอร์นี้ทำงานโดยเก็บข้อมูล QR Code ของบัญชีผู้ใช้ไว้ในอุปกรณ์สวมใส่ เมื่อต้องการชำระเงิน ผู้ใช้เพียงเรียกหน้า QR Code บนหน้าจออุปกรณ์ แล้วให้ร้านค้าสแกนเพื่อทำรายการ ระบบนี้ปลอดภัยด้วยเทคโนโลยีเข้ารหัสแบบ end-to-end และต้องผ่านการยืนยันตัวตนด้วย PIN หรือการตรวจจับการสวมใส่ (wear detection) ก่อนทำธุรกรรมทุกครั้ง
นอกจากนี้ ฟีเจอร์ E-Wallet QR Payment ยังสามารถทำงานได้แม้ในขณะที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับโทรศัพท์ เนื่องจากข้อมูล QR Code ถูกเก็บไว้ในอุปกรณ์เอง ช่วยเพิ่มความสะดวกในกรณีที่ผู้ใช้ต้องการออกไปออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมนอกบ้านโดยไม่ต้องพกโทรศัพท์
ฟีเจอร์นี้รองรับอุปกรณ์สวมใส่รุ่นยอดนิยมหลายรุ่น ได้แก่ HUAWEI WATCH GT 5 Series, HUAWEI WATCH GT 4 Series, HUAWEI WATCH FIT 3, HUAWEI WATCH D2, HUAWEI WATCH Ultimate และ HUAWEI Band 10 ที่เพิ่งเปิดตัว โดยมีแผนที่จะขยายความร่วมมือกับผู้ให้บริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทยในอนาคตอันใกล้
บริการระดับพรีเมียมเพื่อประสบการณ์การใช้งานที่ไร้กังวล
หัวเว่ย ไม่เพียงแต่นำเสนอนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์ แต่ยังให้ความสำคัญกับการบริการหลังการขายเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้ โดยมีบริการระดับพรีเมียมที่มอบสิทธิประโยชน์พิเศษมากมาย
![](http://www.techhausth.com/wp-content/uploads/2025/02/Alex-Better-Together-2025-1024x760.jpg)
บริการพรีเมียมของ หัวเว่ย ครอบคลุมการปกป้องหน้าจอหนึ่งครั้งฟรีในระยะเวลาหนึ่งปี และบริการปกป้องหน้าจอฟรีสี่รายการในระยะเวลาสองปี นอกจากนี้ยังมีบริการเปลี่ยนแบตเตอรี่ในราคาพิเศษหลังจากการใช้งานครบ 18 เดือน และการตรวจเช็คเครื่องฟรีปีละสองครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์ยังคงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ด้วยความคุ้มครองการรับประกันทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ผู้ใช้สามารถนำอุปกรณ์เข้ารับบริการได้ที่ศูนย์บริการที่ได้รับอนุญาตในประเทศต่างๆ ทั่วภูมิภาค โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงื่อนไขการรับประกันที่แตกต่างกัน บริการระดับพรีเมียมยังมอบสิทธิพิเศษอื่นๆ เช่น การตอบกลับที่รวดเร็วผ่านสายด่วนเฉพาะ โดยมีเจ้าหน้าที่เทคนิคระดับสูงคอยให้คำปรึกษา
นอกจากนี้ยังมีบริการซ่อมแซมตามลำดับความสำคัญที่ศูนย์บริการที่ได้รับอนุญาต ทำให้ระยะเวลาในการซ่อมแซมลดลงอย่างมีนัยสำคัญ การดูแลเชิงรุกแบบตัวต่อตัวจากพนักงานที่ได้รับการอบรมพิเศษ และบริการจัดส่งไปรษณีย์ฟรีสำหรับการซ่อมแซม โดยจะมีการจัดส่งอุปกรณ์มารับและส่งคืนถึงบ้าน
ปฏิวัติวงการเทคโนโลยีด้วยนวัตกรรมที่ไม่หยุดยั้ง
หัวเว่ย ยังคงยึดมั่นในการพัฒนานวัตกรรมอย่างไม่หยุดยั้ง โดยมุ่งเน้นการสร้างสรรค์เทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคอย่างแท้จริง จากแคมเปญ “Unfold the Classic” ในปี 2567 หัวเว่ย เดินหน้าต่อด้วยการพลิกโฉมวิธีการสร้างสรรค์ การรับชม และการโต้ตอบกับข้อมูลในรูปแบบใหม่ๆ
ปรัชญาการออกแบบผลิตภัณฑ์ของ หัวเว่ย คือการผสมผสานระหว่างนวัตกรรมเทคโนโลยีล้ำสมัยกับความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในพฤติกรรมและความต้องการของผู้ใช้ แนวคิดนี้สะท้อนให้เห็นในทุกผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวในงาน HUAWEI Innovative Product Launch ครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็น HUAWEI Mate XT | ULTIMATE DESIGN ที่ปฏิวัติวงการสมาร์ทโฟนจอพับ HUAWEI MatePad Pro 13.2 2025 ที่ยกระดับประสบการณ์การใช้งานแท็บเล็ต HUAWEI FreeArc ที่นำเสนอแนวคิดหูฟังเปิดหูแบบใหม่ หรือ HUAWEI Band 10 ที่ปรับปรุงคุณภาพชีวิตด้วยการติดตามสุขภาพแบบองค์รวม
นอกจากนี้ หัวเว่ย ยังลงทุนอย่างมหาศาลในการวิจัยและพัฒนา โดยในปี 2567 ที่ผ่านมา บริษัทได้ลงทุนกว่า 22.4% ของรายได้ทั้งหมดในด้านการวิจัยและพัฒนา และได้ยื่นจดสิทธิบัตรมากกว่า 10,000 รายการทั่วโลก โดย 60% ของสิทธิบัตรเหล่านี้เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่ เช่น จอพับได้ ปัญญาประดิษฐ์ และเทคโนโลยีการถ่ายภาพขั้นสูง
ด้วยวิสัยทัศน์ที่มุ่งเน้นการสร้างระบบนิเวศทางเทคโนโลยีที่ครบวงจร หัวเว่ย ไม่เพียงแต่พัฒนาอุปกรณ์ที่ล้ำสมัย แต่ยังสร้างความเชื่อมโยงระหว่างอุปกรณ์เหล่านั้นผ่านแพลตฟอร์ม HarmonyOS ทำให้ผู้ใช้สามารถเพลิดเพลินกับประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่นและไร้รอยต่อ ไม่ว่าจะใช้งานบนอุปกรณ์ใดในระบบนิเวศของ หัวเว่ย
สำหรับผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์ใหม่ของ หัวเว่ย สามารถติดตามข่าวสารการวางจำหน่ายในประเทศไทยได้เร็วๆ นี้ผ่านทางช่องทางออนไลน์อย่างเป็นทางการของ หัวเว่ย หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน My HUAWEI ใน AppGallery เพื่อรับข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ บริการ และโปรโมชันต่างๆ รวมถึงสิทธิพิเศษมากมายสำหรับสมาชิก
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ http://consumer.huawei.com/th หรือติดตามได้ทาง Facebook: http://www.facebook.com/HuaweiMobileTH, LINE: HuaweiMobileThailand และ Instagram: Huawei.TH