News

Apple ยุติการผลิต iPhone SE หลังเปิดตัว iPhone 16e อย่างเป็นทางการ

ความเคลื่อนไหวล่าสุดจากค่ายผู้ผลิตสมาร์ทโฟนยักษ์ใหญ่ Apple ประกาศยุติการจำหน่าย iPhone SE รุ่นที่ 3 อย่างเป็นทางการแล้วในวันนี้ หลังจากเปิดตัว iPhone 16e รุ่นใหม่ล่าสุด

การยกเลิกการผลิต iPhone SE ในครั้งนี้ถือเป็นการปิดฉากให้กับหลายฟีเจอร์สำคัญที่เคยเป็นเอกลักษณ์ของ iPhone มาอย่างยาวนาน โดยปัจจุบัน Apple ไม่มีสมาร์ทโฟนรุ่นใดในตลาดที่ยังคงใช้หน้าจอแบบ LCD, หน้าจอขนาดต่ำกว่า 6 นิ้ว, ปุ่มโฮม, ระบบสแกนลายนิ้วมือ Touch ID หรือพอร์ตชาร์จแบบ Lightning อีกต่อไป ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของการออกแบบผลิตภัณฑ์จากบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่รายนี้

นอกจากการยุติการผลิต iPhone SE แล้ว Apple ยังได้ประกาศยกเลิกการจำหน่าย iPhone 14 และ iPhone 14 Plus อีกด้วย ทำให้ไลน์อัพปัจจุบันของ iPhone ประกอบไปด้วย iPhone 16, iPhone 16 Plus, iPhone 16 Pro, iPhone 16 Pro Max, iPhone 16e, iPhone 15 และ iPhone 15 Plus เท่านั้น

ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีหลายท่านวิเคราะห์ว่า การยกเลิกผลิตภัณฑ์เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการปรับไลน์ผลิตภัณฑ์ให้ทันสมัยและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันมากขึ้น โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยี AI กำลังมีบทบาทสำคัญในระบบปฏิบัติการสมาร์ทโฟน

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ตลาดสมาร์ทโฟนชี้ให้เห็นถึงความไม่ลงตัวบางประการในไลน์อัพปัจจุบันของ Apple โดย iPhone 16e แม้จะยังคงมีดีไซน์หน้าจอแบบ “notch” (รอยบากด้านบนของหน้าจอสำหรับกล้องและเซ็นเซอร์ต่างๆ) ซึ่งถือว่าเป็นดีไซน์รุ่นเก่า แต่กลับมาพร้อมชิปประมวลผล A18 รุ่นล่าสุดและรองรับฟีเจอร์ Apple Intelligence (ระบบปัญญาประดิษฐ์ล่าสุดของ Apple ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของอุปกรณ์) ในขณะที่ iPhone 15 และ iPhone 15 Plus ซึ่งมีดีไซน์หน้าจอแบบ Dynamic Island (ส่วนแสดงผลแบบไดนามิกที่ทันสมัยกว่า) กลับใช้ชิปประมวลผล A16 Bionic ซึ่งเป็นรุ่นเก่ากว่าถึงสองเจเนอเรชั่นและไม่รองรับ Apple Intelligence

แหล่งข่าววงในเปิดเผยว่า Apple มีแผนที่จะยกเลิกการจำหน่าย iPhone 15 และ iPhone 15 Plus เมื่อมีการเปิดตัว iPhone 17, iPhone 17 Air และ iPhone 17 Pro ในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ ซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์การตลาดและการจัดการผลิตภัณฑ์ที่ Apple ใช้มาโดยตลอด

นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนคาดการณ์ว่า การยกเลิกการผลิต iPhone SE ในครั้งนี้ อาจส่งผลให้ผู้บริโภคที่ชื่นชอบสมาร์ทโฟนขนาดเล็กและมีราคาประหยัดต้องหันไปพิจารณาทางเลือกอื่น ซึ่งอาจเป็นโอกาสให้คู่แข่งในตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลางอย่าง Samsung, Xiaomi หรือ Google สามารถขยายส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มนี้เพิ่มขึ้น

นาย Tim Cook ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Apple กล่าวในงานเปิดตัว iPhone 16e ว่า “เรากำลังมุ่งสู่อนาคตที่เทคโนโลยี AI จะเป็นส่วนสำคัญของประสบการณ์การใช้งานสมาร์ทโฟน การปรับไลน์ผลิตภัณฑ์ในครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้ผู้ใช้งานทุกคนได้สัมผัสประสบการณ์ล้ำสมัยที่ Apple มอบให้”

ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดและธุรกิจเทคโนโลยีวิเคราะห์ว่า การยกเลิกการผลิต iPhone SE เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า Apple กำลังเดินหน้าสู่ยุคใหม่ของการออกแบบและฟังก์ชันการทำงาน โดยมุ่งเน้นไปที่อุปกรณ์ที่รองรับเทคโนโลยี AI และมีฟีเจอร์ทันสมัยมากขึ้น แม้ว่าจะต้องแลกมาด้วยการสูญเสียลูกค้าบางกลุ่มที่ยังคงชื่นชอบฟีเจอร์แบบดั้งเดิมอย่าง Touch ID หรือพอร์ต Lightning ก็ตาม

สำหรับผู้ที่ยังคงต้องการใช้งาน iPhone SE รุ่นที่ 3 อาจยังสามารถหาซื้อได้จากร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่ยังมีสินค้าคงเหลืออยู่ หรือในตลาดมือสอง แต่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้พิจารณาอัพเกรดเป็น iPhone 16e ซึ่งถือเป็นรุ่นทดแทนที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าและจะได้รับการอัพเดตซอฟต์แวร์ยาวนานกว่า

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ระยะยาวของ Apple ในการปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์ตลาดสมาร์ทโฟนที่มีการแข่งขันสูง โดยเฉพาะในยุคที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพการประมวลผล, คุณภาพกล้อง และความสามารถด้าน AI มากขึ้น ขณะที่ความสำคัญของขนาดหน้าจอขนาดเล็กและปุ่มโฮมแบบเดิมกำลังลดน้อยลง

นักวิเคราะห์ด้านเทคโนโลยีจาก Counterpoint Research คาดการณ์ว่า ตลาดสมาร์ทโฟนในปี 2025 จะเป็นปีแห่งการแข่งขันด้าน AI อย่างเข้มข้น โดย Apple กำลังวางตำแหน่งตัวเองให้เป็นผู้นำในด้านนี้ผ่านการปรับโครงสร้างผลิตภัณฑ์และการพัฒนา Apple Intelligence ซึ่งเป็นระบบ AI ที่ทำงานบนอุปกรณ์โดยไม่ต้องส่งข้อมูลไปประมวลผลบนคลาวด์ ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งาน

อ้างอิง | Macrumors.com

SHARE
คนเล่าเรื่องไอที ที่เชื่อว่าการได้เดินทางและการพบปะพูดคุยกับผู้คนในสายงานต่าง ที่ไม่คุ้นเคยคือกำไรชีวิต...หลงไหลในการเดินทางเป็นชีวิตจิตใจ ตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อได้เจอเจ้าหน้าที่ ตม.
RELATED POSTS
เปิดตัว OPPO Watch เวอร์ชั่น Global ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 3100 รันบน WearOS
“OPPO Find X2” พร้อมเปิดตัว 22 กุมภาพันธ์นี้
เปิดตัว Redmi Note 8 และ Redmi Note 8 Pro สมาร์ทโฟนสเปกดี กล้องหลัง 64 ล้านพิกเซล

Leave Your Reply

*