
แอปเปิล เปิดตัว iPhone 16e รุ่นใหม่ที่มาพร้อมราคาเริ่มต้นที่ต่ำกว่าในราคา 599 ดอลลาร์ แต่ตัดฟีเจอร์บางอย่างออกไป ทำให้ผู้ใช้ iPhone 14 Pro อาจกำลังลังเลว่าควรอัปเกรดหรือไม่
สเปคทั่วไปที่น่าสนใจ
การเปรียบเทียบระหว่าง iPhone 16e และ iPhone 14 Pro ในด้านสเปคทั่วไปเผยให้เห็นความแตกต่างที่สำคัญหลายประการ โดยเฉพาะในด้านน้ำหนัก ชิปประมวลผล ปุ่มควบคุม ความสามารถในการรองรับ Apple Intelligence แบตเตอรี่ พอร์ตชาร์จ หน่วยความจำ MagSafe และเทคโนโลยี Ultra Wideband
iPhone 16e มีน้ำหนักเพียง 5.88 ออนซ์ เบากว่า iPhone 14 Pro ที่มีน้ำหนัก 7.27 ออนซ์อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ยังมาพร้อมชิป A18 ซึ่งเป็นรุ่นใหม่กว่าชิป A16 Bionic ที่ใช้ใน iPhone 14 Pro ทำให้มีประสิทธิภาพการทำงานที่เหนือกว่า
ในด้านการออกแบบ iPhone 16e มาพร้อมกับ Action Button ซึ่งสามารถตั้งค่าการทำงานได้หลากหลายตามความต้องการของผู้ใช้ แทนที่ปุ่มเปิด/ปิดเสียงแบบเดิมของ iPhone 14 Pro นอกจากนี้ iPhone 16e ยังรองรับ Apple Intelligence ซึ่งเป็นเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์รุ่นใหม่ของแอปเปิล ในขณะที่ iPhone 14 Pro ไม่รองรับฟีเจอร์นี้
แบตเตอรี่เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ iPhone 16e ที่สามารถรองรับการเล่นวิดีโอได้นานถึง 26 ชั่วโมง เทียบกับ iPhone 14 Pro ที่ทำได้ 23 ชั่วโมง พอร์ตชาร์จแบบ USB-C ของ iPhone 16e ก็ให้ความสะดวกมากกว่าพอร์ต Lightning บน iPhone 14 Pro ในยุคที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่ใช้ USB-C เป็นมาตรฐาน
iPhone 16e มี RAM 8GB มากกว่า iPhone 14 Pro ที่มี RAM เพียง 6GB ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานหลายแอปพลิเคชันพร้อมกันทำได้ดีกว่า
อย่างไรก็ตาม iPhone 16e ไม่มีเทคโนโลยี MagSafe และชิป Ultra Wideband ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่มีอยู่ใน iPhone 14 Pro ทำให้เสียเปรียบในด้านความสะดวกในการชาร์จแบบไร้สายและความแม่นยำในการระบุตำแหน่งอุปกรณ์
หน้าจอแสดงผล: จุดเด่นของ iPhone 14 Pro
ในด้านหน้าจอแสดงผล iPhone 14 Pro เหนือกว่า iPhone 16e อย่างชัดเจนในทุกด้าน ทั้งสองรุ่นมีขนาดหน้าจอ 6.1 นิ้วเท่ากัน และใช้เทคโนโลยี Super Retina XDR (OLED) เหมือนกัน แต่ iPhone 14 Pro มีข้อได้เปรียบหลายประการ
iPhone 14 Pro มีดีไซน์ Dynamic Island แทนรอยบากแบบ Notch ที่มีอยู่ใน iPhone 16e ซึ่งทำให้พื้นที่หน้าจอถูกใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี ProMotion ที่รองรับอัตรารีเฟรชสูงถึง 120Hz ทำให้การเลื่อนหน้าจอลื่นไหลกว่า และมีฟีเจอร์ Always-On Display ที่ช่วยให้ดูเวลาและการแจ้งเตือนได้โดยไม่ต้องเปิดหน้าจอเต็มรูปแบบ ซึ่งทั้งสองฟีเจอร์นี้ไม่มีใน iPhone 16e
ความสว่างของหน้าจอก็เป็นอีกหนึ่งข้อได้เปรียบของ iPhone 14 Pro ที่มีความสว่างปกติที่ 1000 นิต สูงกว่า iPhone 16e ที่มีความสว่างปกติเพียง 800 นิต ในขณะที่ความสว่างสูงสุดของ iPhone 14 Pro สามารถทำได้ถึง 1600 นิตสำหรับเนื้อหา HDR และ 2000 นิตเมื่อใช้งานกลางแจ้ง เทียบกับ iPhone 16e ที่ทำได้เพียง 1200 นิตสำหรับเนื้อหา HDR
กล้องถ่ายภาพ: iPhone 14 Pro ยังคงเหนือกว่า
เช่นเดียวกับหน้าจอแสดงผล ระบบกล้องของ iPhone 14 Pro ก็เหนือกว่า iPhone 16e อย่างชัดเจนในหลายด้าน แม้ว่าทั้งสองรุ่นจะมีกล้องหลักความละเอียด 48MP เท่ากัน แต่มีความแตกต่างที่สำคัญหลายประการ
iPhone 16e มีกล้องหลักเพียงตัวเดียว คือกล้อง 48MP Fusion พร้อมรูรับแสง ƒ/1.6 ในขณะที่ iPhone 14 Pro มีระบบกล้องที่ครบครันกว่า ประกอบด้วยกล้องหลัก 48MP พร้อมรูรับแสง ƒ/1.78 กล้อง Ultra Wide และกล้อง Telephoto ทำให้มีความยืดหยุ่นในการถ่ายภาพมากกว่า
iPhone 14 Pro ยังมีเซ็นเซอร์ LiDAR Scanner ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายภาพโหมด Night mode และการใช้งานแอปพลิเคชัน AR ซึ่งไม่มีใน iPhone 16e นอกจากนี้ยังรองรับการถ่ายภาพในรูปแบบ ProRAW ที่ให้อิสระในการแก้ไขภาพถ่ายระดับมืออาชีพ
ในด้านแฟลช iPhone 14 Pro มีแฟลช Adaptive True Tone ที่ปรับความสว่างได้ตามสภาพแวดล้อม ในขณะที่ iPhone 16e มีเพียงแฟลช True Tone ธรรมดา
อย่างไรก็ตาม iPhone 16e ก็มีข้อได้เปรียบบางประการ เช่น รูรับแสงขนาด ƒ/1.6 ที่กว้างกว่า ƒ/1.78 ของ iPhone 14 Pro ทำให้ถ่ายภาพในสภาพแสงน้อยได้ดีกว่า และฟีเจอร์ใหม่อย่าง Audio Mix และการลดเสียงลมสำหรับการถ่ายวิดีโอ
สรุป: ควรอัปเกรดหรือไม่?
การตัดสินใจว่าควรอัปเกรดจาก iPhone 14 Pro ไปเป็น iPhone 16e หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการใช้งานของแต่ละบุคคล หากคุณให้ความสำคัญกับฟีเจอร์ด้านหน้าจอและกล้องถ่ายภาพ iPhone 14 Pro ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า แต่หากคุณต้องการชิปประมวลผลที่เร็วกว่า การรองรับ Apple Intelligence แบตเตอรี่ที่อึดกว่า และพอร์ต USB-C iPhone 16e อาจเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
สำหรับผู้ใช้ iPhone 14 Pro ที่กำลังพิจารณาอัปเกรด คำแนะนำคือควรพิจารณารุ่นอื่นแทน เช่น iPhone 15 Pro มือสองในราคาใกล้เคียงกับ iPhone 16e รุ่นใหม่ ซึ่งจะทำให้ได้รับการรองรับ Apple Intelligence โดยไม่ต้องเสียฟีเจอร์ระดับ Pro ที่มีอยู่แล้ว
อีกทางเลือกหนึ่งคือรอเพื่ออัปเกรดไปเป็น iPhone 16 หรือ iPhone 16 Pro ซึ่งจะทำให้ได้รับทั้งเทคโนโลยีล่าสุดและฟีเจอร์ระดับ Pro ในเครื่องเดียวกัน
อ้างอิง | 9to5mac.com