News PR

เสียวหมี่ยกระดับวงการถ่ายภาพด้วย Xiaomi 15 Series พร้อมเปิดตัว AIoT ล้ำสมัยในไทย

เสียวหมี่ ประเทศไทย สร้างปรากฏการณ์เปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นล่าสุด พร้อมกลุ่มผลิตภัณฑ์ AIoT ในงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2568

Xiaomi 15 Series: ปฏิวัติการถ่ายภาพด้วยเทคโนโลยีระดับโลก

Xiaomi 15 Ultra เรือธงตัวท็อปที่มาพร้อมความล้ำสมัยด้านการถ่ายภาพ ได้รับแรงบันดาลใจจากดีไซน์กล้องคลาสสิก มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Black, White และ Silver Chrome โดดเด่นด้วยหน้าจอ WQHD+ AMOLED ขนาด 6.73 นิ้ว ความละเอียด 3200 x 1440 พิกเซล ความหนาแน่น 522 ppi พร้อมความสว่างสูงสุด 3,200 nits ช่วยให้มองเห็นได้ชัดเจนในทุกสภาพแสง

Xiaomi 15 Ultra

หัวใจสำคัญของ Xiaomi 15 Ultra คือระบบกล้องที่พัฒนาร่วมกับแบรนด์ระดับตำนานอย่าง Leica ประกอบด้วยกล้องหลักขนาด 1 นิ้ว ความละเอียด 50MP พร้อมเซ็นเซอร์ Sony LYT-900 ที่มาพร้อมเลนส์ Leica Summilux รูรับแสงขนาด ƒ/1.63 ครอบคลุมระยะโฟกัสตั้งแต่ 14 มม. ไปจนถึง 200 มม. อย่างครบถ้วน ทำให้สามารถถ่ายภาพได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งภาพมุมกว้าง ภาพบุคคล และการซูมระยะไกล

นอกจากนี้ Xiaomi 15 Ultra ยังโดดเด่นด้วยความสามารถในการถ่ายวิดีโอระดับมืออาชีพ รองรับการบันทึกวิดีโอ 4K ที่ 120fps และ Dolby Vision® ที่ 4K 60fps รวมถึงเป็นสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์รายแรกที่เป็นพันธมิตรกับ ACES ซึ่งรับประกันความแม่นยำของสีในระดับอุตสาหกรรมภาพยนตร์

Xiaomi 15 Series

สำหรับรุ่น Xiaomi 15 มาในรูปแบบที่กะทัดรัดกว่า พร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.36 นิ้ว ความละเอียด 2670 x 1200 พิกเซล ความสว่างสูงสุด 3,200 nits และขับเคลื่อนด้วยระบบกล้องสามตัวที่พัฒนาร่วมกับ Leica เช่นเดียวกัน ให้ระยะโฟกัสตั้งแต่ 14 มม. ถึง 120 มม. มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ Black, White, Green และสีพิเศษ Liquid Silver

ทั้งสองรุ่นมาพร้อมความแข็งแกร่งของฮาร์ดแวร์ชั้นนำ ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Snapdragon® 8 Elite ที่มอบประสิทธิภาพ CPU เพิ่มขึ้นถึง 45% และลดการใช้พลังงานลง 52% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า พร้อมระบบระบายความร้อน Xiaomi IceLoop ที่ช่วยควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสมแม้ในการใช้งานหนัก

Xiaomi HyperOS 2: ปฏิบัติการอัจฉริยะรุ่นใหม่

Xiaomi 15 Series มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Xiaomi HyperOS 2 ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ Xiaomi HyperCore, Xiaomi HyperConnect และ Xiaomi HyperAI ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน การเชื่อมต่อข้ามแพลตฟอร์ม และความสามารถด้าน AI

Xiaomi HyperAI เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วยชุดเครื่องมือ AI อย่าง AI Writing และ AI Speech Recognition พร้อมฟีเจอร์สร้างสรรค์ภาพถ่ายอัจฉริยะ เช่น AI Image Enhancement, AI Eraser Pro และ AI Magic Sky เป็นต้น

นอกจากนี้ ความร่วมมือระหว่าง Google และ เสียวหมี่ ทำให้ Google Gemini สามารถเข้าถึงแอปของเสียวหมี่ได้โดยตรง ทั้ง Xiaomi Notes, Xiaomi Calendar และ Xiaomi Clock เป็นครั้งแรก

Xiaomi Pad 7 Series แท็บเล็ตสมรรถนะสูงขับเคลื่อนด้วย AI

Xiaomi Pad 7 Series ประกอบด้วย Xiaomi Pad 7 Pro และ Xiaomi Pad 7 ที่มาพร้อมจอภาพคุณภาพสูงขนาด 11.2 นิ้ว ความละเอียด 3.2K อัตราส่วนภาพ 3:2 รองรับอัตรารีเฟรชสูงถึง 144Hz ให้ภาพที่คมชัดและลื่นไหล

Xiaomi Pad 7 Series: แท็บเล็ตสมรรถนะสูงขับเคลื่อนด้วย AI

Xiaomi Pad 7 Pro ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Snapdragon® 8s Gen 3 พร้อมกล้องหน้า 32MP และกล้องหลัง 50MP รองรับ Wi-Fi 7 และแบตเตอรี่ขนาด 8,850mAh ที่รองรับการชาร์จเร็ว 67W ชาร์จเต็มได้ในเวลาเพียง 79 นาที

ส่วน Xiaomi Pad 7 มาพร้อมชิปเซ็ต Snapdragon® 7+ Gen 3 กล้องหลัง 13MP กล้องหน้า 8MP รองรับ Wi-Fi 6E และการชาร์จเร็ว 45W ที่สามารถชาร์จเต็มได้ในเวลา 103 นาที

ทั้งสองรุ่นมีอุปกรณ์เสริมที่ออกแบบมาเฉพาะ ได้แก่ Xiaomi Pad 7 / 7 Pro Keyboard และ Xiaomi Focus Pen ที่ให้ความหน่วงต่ำและระดับแรงกด 8,192 ระดับ เหมาะสำหรับการจดบันทึกและการวาดภาพ

Xiaomi Buds 5 Pro และ Xiaomi Buds 5 Pro (Wi-Fi): ยกระดับเสียงไร้สาย

Xiaomi Buds 5 Pro มอบประสบการณ์เสียงไร้สายระดับพรีเมียมด้วยเทคโนโลยี Snapdragon Sound™ และ Qualcomm® aptX™ Lossless พร้อมระบบไดรเวอร์สามตัวแบบโคแอกเซียลขยายเสียงคู่ และการปรับจูนโดย Harman Golden Ear Team รวมถึงระบบตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟไฮบริด (ANC) ที่สูงถึง 55dB

Xiaomi Buds 5 Pro

ส่วน Xiaomi Buds 5 Pro (Wi-Fi) เป็นหูฟังรุ่นแรกที่รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi โดยตรงกับสมาร์ทโฟน ด้วยเทคโนโลยี Qualcomm® XPAN ที่รองรับการส่งข้อมูลเสียงแบบไร้การสูญเสีย 96kHz/24bit ที่แบนด์วิดท์สูงสุด 4.2Mbps

นอกจากนี้ ทั้งสองรุ่นยังมีฟีเจอร์การบันทึกเสียงในตัว รองรับการแปลและถอดเสียงด้วย AI และมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่รวมสูงสุดถึง 40 ชั่วโมง

Xiaomi Watch S4: สมาร์ทวอทช์ติดตามสุขภาพและการออกกำลังกาย

Xiaomi Watch S4 มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 1.43 นิ้ว ความละเอียด 466 x 466 พิกเซล ความสว่างสูงสุด 1,500 nits และอายุการใช้งานแบตเตอรี่นานถึง 15 วัน

นาฬิกาสามารถติดตามสุขภาพด้วยอัลกอริทึมที่พัฒนาขึ้นเฉพาะ วัดอัตราการเต้นของหัวใจ ออกซิเจนในเลือด ระดับความเครียด และรูปแบบการนอนหลับได้อย่างแม่นยำ มีเทคโนโลยี GNSS L1+L5 ขั้นสูงสำหรับการติดตามตำแหน่งในการออกกำลังกายกลางแจ้ง และรองรับโหมดกีฬามากกว่า 150 โหมด

ผลิตภัณฑ์อื่นๆ และราคาจำหน่ายในประเทศไทย

นอกจากนี้ เสียวหมี่ ประเทศไทย ยังเปิดตัวผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกมากมาย ได้แก่ Xiaomi Smart Band 9 Pro, Xiaomi 212W HyperCharge Power Bank 24500, Xiaomi Smart Pet Care Air Purifier, เครื่องปรับอากาศ Mijia Air Conditioner Pro Eco และรถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า Xiaomi Electric Scooter Elite

Xiaomi 15 Series

ด้านราคาจำหน่าย Xiaomi 15 Ultra รุ่นความจุ 16GB+1TB ราคา 46,990 บาท และรุ่น 16GB+512GB ราคา 42,990 บาท พิเศษสำหรับลูกค้าที่สั่งจองล่วงหน้าระหว่างวันที่ 4-14 มีนาคม 2568 รับฟรี Xiaomi 15 Ultra Photography Kit และบริการอื่นๆ มูลค่ารวม 32,824 บาท

Xiaomi 15 รุ่นความจุ 12GB+512GB ราคา 29,990 บาท และรุ่น 12GB+256GB ราคา 26,990 บาท พิเศษสำหรับลูกค้าที่สั่งจองล่วงหน้ารับฟรี Xiaomi Watch S3 และบริการอื่นๆ มูลค่ารวม 27,724 บาท

ราคาจำหน่ายในประเทศไทย

Xiaomi Pad 7 Pro รุ่นความจุ 12GB+512GB ราคา 18,990 บาท และรุ่น 8GB+256GB ราคา 15,990 บาท ส่วน Xiaomi Pad 7 รุ่นความจุ 8GB+256GB ราคา 12,990 บาท และรุ่น 8GB+128GB ราคา 10,990 บาท พิเศษสำหรับลูกค้าที่สั่งจองล่วงหน้าเลือกรับฟรี Xiaomi Pad 7 / 7 Pro Keyboard หรือ Xiaomi Focus Pen มูลค่า 2,999 บาท

Xiaomi Buds 5 Pro วางจำหน่ายในราคาพิเศษ 5,990 บาท และ Xiaomi Buds 5 Pro (Wi-Fi) ราคาพิเศษ 6,490 บาท ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 มีนาคม 2568

ราคาจำหน่ายในประเทศไทย

Xiaomi Watch S4 มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Silver, Black และ Rainbow โดยสี Silver และ Black ราคาพิเศษ 4,990 บาท และสี Rainbow ราคาพิเศษ 5,490 บาท ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 มีนาคม 2568

การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ เสียวหมี่ ในการนำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัยในราคาที่เข้าถึงได้ สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ “การเป็นมิตรของผู้ใช้งานและบริษัทที่ทันสมัยที่สุดในใจผู้ใช้งานทุกคน” โดยปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของเสียวหมี่มีวางจำหน่ายกว่า 100 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก และในเดือนสิงหาคม 2567 เสียวหมี่ยังติดอันดับใน Fortune Global 500 เป็นปีที่หกติดต่อกัน

SHARE
คนเล่าเรื่องไอที ที่เชื่อว่าการได้เดินทางและการพบปะพูดคุยกับผู้คนในสายงานต่าง ที่ไม่คุ้นเคยคือกำไรชีวิต...หลงไหลในการเดินทางเป็นชีวิตจิตใจ ตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อได้เจอเจ้าหน้าที่ ตม.
RELATED POSTS
“adidas” เปิดตัวแอปพลิเคชันในประเทศไทย
ลาซาด้า เปิดศักราชใหม่ด้วยแคมเปญช้อปรับตรุษจีน ช้อปโปรดี มั่งมีมั่งคั่ง
ท่าอากาศยานนานาชาติ อู่ตะเภา ระยอง-พัทยา ร่วมกับ เอไอเอส เปิดตัวนวัตกรรมดิจิทัล เสริมศักยภาพบริการ

Leave Your Reply

*