
เสียวหมี่ ผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลก เปิดตัวนวัตกรรมล่าสุดภายใต้แนวคิด “Connected Intelligence” ที่งาน Mobile World Congress 2025 ณ เมืองบาร์เซโลนา
กรุงเทพฯ (5 มีนาคม 2568) – เสียวหมี่ (Xiaomi) ผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ประกาศเข้าร่วมงาน Mobile World Congress 2025 (MWC 2025) ที่เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน โดยในปีนี้ได้จัดแสดงระบบนิเวศอัจฉริยะในเวอร์ชันอัปเกรด “Human × Car × Home” ที่มุ่งปฏิวัติวิธีการโต้ตอบระหว่างผู้ใช้กับอุปกรณ์ผ่านการเชื่อมต่อที่ราบรื่นและการหลอมรวมเทคโนโลยีอัจฉริยะเข้าด้วยกัน

มร. แดเนียล เดสจาลาส ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของเสียวหมี่ อินเตอร์เนชันนัล กล่าวว่า “ที่ เสียวหมี่ นั้น แนวทางในการสร้างนวัตกรรมของเราเริ่มต้นจากผู้คน เราออกแบบผลิตภัณฑ์โดยคำนึงถึงความต้องการของผู้ใช้เป็นหลัก โดยระบบนิเวศอัจฉริยะ ‘Human × Car × Home’ ของเราสะท้อนให้เห็นถึงพันธกิจนี้ เรากำลังสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับปัญญาประดิษฐ์ที่เชื่อมต่อกันโดยการเชื่อมโยงอุปกรณ์ส่วนบุคคล ยานพาหนะ และพื้นที่อยู่อาศัยเข้าไว้ด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ”
สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตรุ่นใหม่ขับเคลื่อนด้วย HyperOS 2
ภายในบูธของ เสียวหมี่ ในงาน MWC 2025 มีการจัดแสดงผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัว ได้แก่ สมาร์ทโฟน Xiaomi 15 Series และแท็บเล็ต Xiaomi Pad 7 Series ที่ขับเคลื่อนโดยระบบปฏิบัติการ Xiaomi HyperOS 2 รุ่นใหม่ พร้อมด้วยอุปกรณ์ AIoT (Artificial Intelligence of Things) อันล้ำสมัยและเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอีกมากมายที่เปิดตัวในระดับนานาชาติเป็นครั้งแรก
สำหรับโซน Xiaomi Imagery Technology นำเสนอการนำเลนส์ระดับตำนานจาก Leica เข้ามาใช้กับสมาร์ทโฟนของ เสียวหมี่ รวมไปถึงนวัตกรรมอื่นๆ ที่ขยายขอบเขตของการถ่ายภาพผ่านมือถือ นอกจากนี้ เสียวหมี่ ยังภูมิใจนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ EV (Electric Vehicle) ได้แก่ Xiaomi SU7 Max และ Xiaomi SU7 Ultra ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นานมานี้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของ เสียวหมี่ ในด้านยานยนต์อัจฉริยะ
อนาคตของปัญญาประดิษฐ์ที่เชื่อมต่อถึงกัน
ในช่วงปีที่ผ่านมา ระบบนิเวศอัจฉริยะ “Human × Car × Home” ของ เสียวหมี่ ได้พัฒนาไปสู่อาณาจักรของปัญญาประดิษฐ์ที่เชื่อมต่อถึงกัน ระบบนี้ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการคาดการณ์ เรียนรู้ และตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้ โดยปรับให้เข้ากับความต้องการของแต่ละบุคคล เพื่อมอบประสบการณ์ที่ใช้งานง่ายและปรับแต่งได้
ระบบปฏิบัติการ Xiaomi HyperOS 2 ที่เปิดตัวในระดับสากล ถือเป็นก้าวสำคัญของ เสียวหมี่ ในด้านการออกแบบระบบอัจฉริยะ ที่ขับเคลื่อนโดย Xiaomi HyperCore ซึ่งเป็นรากฐานที่ได้รับการปรับแต่งมาอย่างประณีต และพัฒนาโดยวิศวกรกว่า 3,000 คน พร้อมการวิเคราะห์สถานการณ์มากกว่า 25,000 รูปแบบ ระบบนี้มาพร้อมเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ เช่น ตัวกำหนดเวลาสถาปัตยกรรมไมโคร (microarchitecture scheduler) หน่วยความจำแบบไดนามิก และ Storage 2.0 นวัตกรรมเหล่านี้ช่วยให้ผู้ใช้เปิดแอปได้เร็วขึ้น ลดการใช้พลังงาน และทำงานได้อย่างราบรื่นแม้ในสถานการณ์ที่ต้องใช้งานหนัก
การโต้ตอบระหว่างอุปกรณ์ยังได้รับการปรับปรุงด้วย Xiaomi HyperConnect ซึ่งมีฟังก์ชันพิเศษ เช่น การสตรีมด้วยกล้องคู่, “Home Screen+” และความเข้ากันได้ข้ามแพลตฟอร์มที่ง่ายยิ่งขึ้น

Xiaomi HyperAI: การเชื่อมโยงความอัจฉริยะ
ระบบปฏิบัติการ Xiaomi HyperOS 2 ยังก้าวไปอีกขั้นด้วยการเปิดตัว Xiaomi HyperAI ซึ่งผสานรวมความสามารถของ AI ขั้นสูงที่เปลี่ยนโฉมหน้าของประสิทธิภาพการทำงานและความคิดสร้างสรรค์ Xiaomi HyperAI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในชีวิตประจำวันด้วยเครื่องมือการเขียนที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่ช่วยให้ผู้ใช้ปรับแต่งหรือขยายข้อความได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การแปลแบบเรียลไทม์และการจดจำเสียงช่วยลดอุปสรรคด้านภาษาและถอดเสียงการสนทนาด้วยความแม่นยำสูง สำหรับด้านความคิดสร้างสรรค์ Xiaomi HyperAI ช่วยปลดล็อกความเป็นไปได้ใหม่ๆ ด้วยฟีเจอร์ต่างๆ เช่น “AI Art” ใน Mi Canvas ที่เปลี่ยนภาพร่างให้กลายเป็นงานศิลปะเฉพาะรูปแบบ ในขณะที่ AI Live Wallpapers และ AI Cinematic Lock Screens ทำให้ภาพมีชีวิตชีวาไม่ว่าจะเป็นภาพครอบครัวหรือทิวทัศน์ที่สวยงาม
เสียวหมี่ ตระหนักถึงความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของ AI และยังคงร่วมมือกับ Google ในการบูรณาการฟีเจอร์ต่างๆ เช่น Google Gemini และ Circle to Search เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของผู้ใช้ให้ชาญฉลาดและเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น
ความเชี่ยวชาญด้านการถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟน
เสียวหมี่ เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการถ่ายภาพผ่านสมาร์ทโฟนมาอย่างยาวนาน โดยมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาความเป็นเลิศในด้านนี้อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่การร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ Leica ในปี 2565 และการร่วมกันก่อตั้งสถาบัน Xiaomi-Leica Optical Institute ในปี 2567 เสียวหมี่ ได้เจาะลึกถึงแก่นแท้ของการถ่ายภาพ ขยายขอบเขตของเทคโนโลยีการถ่ายภาพผ่านสมาร์ทโฟนไปพร้อมกับการสำรวจความเชื่อมโยงระหว่างการถ่ายภาพและมนุษย์
Xiaomi 15 Series ที่เพิ่งเปิดตัวสะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ดังกล่าว โดยการผสานเลนส์ Leica Sumillux เข้ากับระบบการประมวลภาพเทคโนโลยี Computational Photography ที่ขับเคลื่อนด้วย Xiaomi AISP 2.0 ทำให้เกิดความก้าวหน้าครั้งสำคัญในเทคโนโลยีการถ่ายภาพและสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับประสบการณ์การใช้งานการถ่ายภาพด้วยสมาร์ทโฟน
นอกจากนี้ เสียวหมี่ ยังพยายามกำหนดมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมอยู่เสมอ ระบบ Xiaomi Modular Optical System เปิดให้ทดลองใช้จริงที่บูธ เสียวหมี่ ในงาน MWC 2025 ซึ่งถือเป็นการสำรวจแนวคิดใหม่ๆ ระบบกล้องของแนวคิดนี้มาพร้อมกับเลนส์ไพรม์ 35 มม. f/1.4 ที่ถอดเปลี่ยนได้ เมื่อรวมเข้ากับเซนเซอร์รับภาพ M4/3 ในตัวจะสามารถติดกับสมาร์ทโฟนได้ทันทีด้วยแม่เหล็ก
ระบบนี้ใช้เทคโนโลยีการสื่อสาร Xiaomi LaserLink รุ่นใหม่ซึ่งเป็นโซลูชันการสื่อสารด้วยแสงขั้นสูง ทำให้สามารถถ่ายโอนข้อมูลระหว่างกล้องและโทรศัพท์ได้อย่างราบรื่น และด้วยการผสานความสามารถในการถ่ายภาพอันเหนือชั้นของฮาร์ดแวร์กล้องแบบดั้งเดิมเข้ากับพลังการประมวลผลของสมาร์ทโฟน เสียวหมี่ จึงเป็นผู้ริเริ่มแนวทางที่ล้ำสมัยในด้านเทคโนโลยีการถ่ายภาพ
นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะและความสำเร็จที่ทุบสถิติ
เสียวหมี่ มีความก้าวหน้าอย่างมากในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ โดยรายได้จากยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ EV ใกล้แตะ 10,000 ล้านหยวน และมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 17.1% ในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 สำหรับ Xiaomi SU7 Series มียอดส่งมอบต่อเดือนเกิน 25,000 คันในเดือนธันวาคม 2567 โดยมียอดส่งมอบยานยนต์มากกว่า 135,000 คันในปี 2567 ทั้งนี้ เสียวหมี่ ตั้งเป้าที่จะส่งมอบยานยนต์ไฟฟ้า 300,000 คันในปี 2568 และกำลังขยายกำลังการผลิตและเครือข่ายการขาย ซึ่งปัจจุบันมีศูนย์ยานยนต์มากกว่า 216 แห่งใน 64 เมืองในประเทศจีน

ในเดือนตุลาคม 2567 รถต้นแบบ Xiaomi SU7 Ultra สร้างสถิติรอบสนามที่ 6’46″874 ที่สนาม Nürburgring Nordschleife จึงได้รับฉายาว่า “รถยนต์สี่ประตูที่เร็วที่สุดในโลก” Xiaomi SU7 Ultra พร้อมจำหน่ายแล้วและจัดแสดงอยู่ที่บูธ เสียวหมี่ ในงาน MWC 2025 โดยรถรุ่นนี้นำเสนอการผสมผสานระหว่างสมรรถนะอันล้ำสมัยกับดีไซน์ที่โดดเด่นทั้งในสนามแข่งระดับมืออาชีพและบนท้องถนนในเมือง
ความสำเร็จของ เสียวหมี่ ในด้านธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นต่อนวัตกรรม คุณภาพ และการเติบโตที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ทำให้บริษัทก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้ผลิตที่มีความสำคัญในอุตสาหกรรมยานยนต์
การสร้างสรรค์อนาคตที่ยั่งยืนและชาญฉลาด
เสียวหมี่ มุ่งมั่นที่จะส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ยอดเยี่ยมและยั่งยืนให้กับผู้ใช้ทั่วโลก โดยการปกป้องสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาอย่างยั่งยืนถือเป็นหัวใจหลักของกลยุทธ์ทางธุรกิจ

กลยุทธ์ระบบนิเวศอัจฉริยะ “Human × Car × Home” ของ เสียวหมี่ ออกแบบมาเพื่อวิถีชีวิตที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ มีประสิทธิภาพ และชาญฉลาด พร้อมทั้งยังขับเคลื่อนนวัตกรรมด้าน ESG (Environmental, Social, and Governance) ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง หลักการดำเนินการสำคัญของ เสียวหมี่ คือการใช้เทคโนโลยี AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน โดยการปรับแต่งโหมดต่างๆ ให้เข้ากับสภาพแวดล้อมภายในบ้านอย่างชาญฉลาดตามพฤติกรรมของผู้ใช้งาน
การตรวจสอบและเพิ่มประสิทธิภาพแบบเรียลไทม์ช่วยให้เครื่องใช้ไฟฟ้าทำงานด้วยการใช้พลังงานน้อยที่สุด และมอบประสบการณ์การใช้ชีวิตที่ชาญฉลาด สะดวกสบาย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ระบบการผลิตอัจฉริยะของ เสียวหมี่ ประสบความสำเร็จในการพัฒนาระบบอัตโนมัติขั้นสูงซึ่งทำให้เกิดความก้าวหน้าในด้านความยั่งยืน ที่โรงงานยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ “Hyper Intelligent Manufacturing Platform” ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทจะปรับปรุงกระบวนการผลิตทั้งหมดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยครอบคลุมทุกกระบวนการตั้งแต่การกำกับดูแลไปจนถึงการปรับเปลี่ยนอัตโนมัติที่แม่นยำเพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด แพลตฟอร์มนวัตกรรมนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดการใช้ทรัพยากรในทุกขั้นตอนการผลิต ซึ่งตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนของ เสียวหมี่