
ตลาดสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมกำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญด้านการถ่ายภาพ โดยเฉพาะกล้องเทเลโฟโต้ที่แบรนด์จีนกำลังพลิกโฉมวงการ
กล้องหลักไม่ใช่ทุกอย่างอีกต่อไป เมื่อแบรนด์สมาร์ทโฟนจีนอย่าง Vivo และ Xiaomi พลิกเกมด้วยการให้ความสำคัญกับกล้องเทเลโฟโต้ที่มีขนาดเซ็นเซอร์ใหญ่ขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งแตกต่างจากแนวทางที่ Apple, Samsung และ Google ยังคงยึดติด ส่วนใหญ่เรามักเข้าใจว่ากล้องหลักคือกล้องที่สำคัญที่สุดเพราะเป็นกล้องที่เราใช้บ่อยที่สุด ส่วนกล้องอัลตร้าไวด์และกล้องเทเลโฟโต้มักเป็นเพียงส่วนเสริมที่มีเซ็นเซอร์ขนาดเล็กกว่าและความสามารถด้อยกว่า




แต่ถ้าแนวคิดนี้ไม่ใช่แนวทางที่ดีที่สุด? หากเราสามารถมีกล้องรองที่ทรงพลังจริงๆ บนสมาร์ทโฟนของเราล่ะ? นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น
ภาพถ่ายที่น่าทึ่งจาก Vivo X200 Pro ทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่าเป็นผลงานจากกล้องดิจิทัลระดับมืออาชีพ ทั้งที่ถ่ายด้วยสมาร์ทโฟนล้วนๆ โดยไม่ต้องพกพาเลนส์หรืออุปกรณ์ถ่ายภาพขนาดใหญ่เทอะทะให้ยุ่งยาก ทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากการพัฒนากล้องล่าสุดที่เปลี่ยนแปลงวิธีที่ผู้ใช้ถ่ายภาพ
เป็นเรื่องแปลกที่ผู้เล่นหลักในตลาดอย่าง Samsung, Apple และ Google กลับมองข้ามการพัฒนาอันสำคัญนี้
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากประเทศจีนคือการเปลี่ยนไปใช้เซ็นเซอร์ขนาดใหญ่สำหรับกล้องเทเลโฟโต้ ไม่ได้พูดถึงเพียงแค่จำนวนเมกะพิกเซลเท่านั้น เซ็นเซอร์ขนาด 50 เมกะพิกเซลอาจถูกแบ่งเป็นพิกเซลขนาดเล็กมากหากเซ็นเซอร์มีขนาดเล็ก หรืออาจให้คุณภาพที่ดีกว่ามากหากเซ็นเซอร์มีขนาดใหญ่ขึ้น
ตารางเปรียบเทียบขนาดเซ็นเซอร์กล้องเทเลโฟโต้

ตารางอ้างอิงข้างต้นแสดงให้เห็นความแตกต่างของขนาดเซ็นเซอร์อย่างชัดเจน สมาร์ทโฟนเรือธงอย่าง iPhone 16 Pro Max และ Galaxy S25 Ultra ใช้เซ็นเซอร์ที่มีขนาดเล็กกว่าครึ่งเมื่อเทียบกับสิ่งที่คุณได้รับใน Vivo X200 Pro หรือ Xiaomi 15 Ultra




เมื่อพิจารณาร่วมกับความสามารถในการโฟกัสระยะใกล้ของกล้องเทเลโฟโต้ใน สมาร์ทโฟนกล้องเทพ รุ่นใหม่จากจีนเหล่านี้ เราจึงได้ผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง
ระดับของรายละเอียดที่เห็นได้จากภาพถ่ายแมลงด้วย Vivo X200 Pro นั้นเหลือเชื่อ คุณสามารถเห็นวิธีที่แมลงกินละอองเกสรและเห็นเศษละอองเกสรบนขาหน้าของมันได้อย่างชัดเจน
การถ่ายมาโครด้วยกล้องอัลตร้าไวด์นั้นไม่สามารถเทียบได้ เพราะต้องเข้าใกล้วัตถุมากเกินไป จนอาจทำให้วัตถุหนีหายไป อย่างเช่นในกรณีของแมลง การถ่ายภาพตั๊กแตนด้วย Vivo X200 Pro สามารถทำได้เพราะใช้กล้องเทเลโฟโต้ถ่ายจากระยะไกลโดยไม่ทำให้แมลงตกใจหนีไป ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้หากใช้ iPhone, Galaxy หรือ Pixel เนื่องจากโทรศัพท์เหล่านั้นใช้กล้องอัลตร้าไวด์สำหรับการถ่ายภาพมาโคร
นอกเหนือจากความสามารถในการถ่ายภาพมาโครแล้ว เซ็นเซอร์กล้องเทเลโฟโต้ขนาดใหญ่ยังส่งผลดีต่อการถ่ายภาพในสภาพแสงน้อย ทำให้ภาพมีรายละเอียดมากขึ้นและมีสัญญาณรบกวนน้อยลง ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบสำคัญเมื่อต้องการซูมเข้าไปถ่ายภาพในสถานการณ์ที่มีแสงน้อย

เทคโนโลยีเพอริสโคป (Periscope) ที่ใช้ในกล้องเทเลโฟโต้ของสมาร์ทโฟนระดับสูงนี้ ช่วยให้สามารถเพิ่มทางยาวโฟกัส (focal length) ได้มากขึ้นโดยไม่ต้องเพิ่มความหนาของตัวเครื่อง โดยใช้ระบบปริซึมหักเหแสงให้เดินทางในแนวขนานกับตัวเครื่องแทนที่จะตั้งฉากกับเซ็นเซอร์แบบเดิม
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สมาร์ทโฟนจากประเทศจีนมักนำเสนอฟีเจอร์ที่ล้ำสมัยก่อนแบรนด์หลักในตลาด ทั้งเรื่องความเร็วในการชาร์จ การถ่ายภาพกลางคืน และล่าสุดคือกล้องเทเลโฟโต้ที่มีประสิทธิภาพสูง น่าแปลกใจที่ผู้เล่นรายใหญ่กลับไม่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเหล่านี้
อาจกล่าวได้ว่า Vivo X200 Pro และ Xiaomi 15 Ultra กำลังนำเสนอมุมมองใหม่ให้กับวงการถ่ายภาพด้วยสมาร์ทโฟน ซึ่งไม่เพียงแต่มุ่งเน้นที่กล้องหลัก แต่ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนากล้องรองให้มีคุณภาพทัดเทียมหรือเหนือกว่ากล้องหลักในบางด้าน

ในขณะที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับคุณภาพของภาพถ่ายมากขึ้นเรื่อยๆ การแข่งขันด้านกล้องสมาร์ทโฟนจึงทวีความเข้มข้น และจากหลักฐานล่าสุด ดูเหมือนว่าแบรนด์จีนอย่าง Vivo และ Xiaomi กำลังเป็นผู้นำในด้านนวัตกรรมกล้องสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของกล้องเทเลโฟโต้
ที่น่าสนใจคือ ทิศทางการพัฒนานี้จะผลักดันให้แบรนด์ชั้นนำอย่าง Apple, Samsung และ Google ต้องปรับกลยุทธ์เพื่อตามให้ทันหรือไม่ และจะใช้เวลานานแค่ไหนก่อนที่เราจะเห็นสมาร์ทโฟนเรือธงจากทั้งสามแบรนด์นี้มาพร้อมกับเซ็นเซอร์กล้องเทเลโฟโต้ขนาดใหญ่บ้าง
อ้างอิง | Phonearena.com