
แอปเปิลเปิดตัว iPhone 16e เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นประหยัดรุ่นล่าสุดในราคา 21,000 บาท ขณะที่ iPhone 15 Pro รุ่นปี 2023 ปัจจุบันมีราคาใกล้เคียงกันจากผู้ค้ารายย่อย เมื่อทั้งสองรุ่นมีความแตกต่างกันกว่า 50 จุด แล้วรุ่นไหนคุ้มค่ากว่ากันสำหรับผู้บริโภค?
iPhone 15 Pro เปิดตัวเมื่อกันยายน 2023 ด้วยราคาเริ่มต้น 35,000 บาท และถูกยกเลิกการจำหน่ายอย่างเป็นทางการเมื่อ iPhone 16 Pro วางจำหน่าย อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคยังสามารถหาซื้อได้จากร้านค้าบุคคลที่สาม รวมถึงเครื่องมือสองหรือเครื่องรีเฟอร์บิช ในราคาประมาณ 21,000-26,000 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นความจุ
ถึงแม้ iPhone 15 Pro จะเป็นสมาร์ทโฟนที่มีคุณสมบัติมากกว่า แต่ iPhone 16e ก็มีข้อได้เปรียบบางประการที่น่าสนใจ
ชิปประมวลผลที่ดีกว่า: iPhone 16e มาพร้อมชิป A18 ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีล่าสุดจาก TSMC และมีความเร็วสัญญาณนาฬิกา CPU ที่สูงกว่า ทำให้มีประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานมากกว่าชิป A17 Pro
คุณภาพเสียง: iPhone 16e มีระบบลดเสียงลมรบกวนและการผสมเสียง (Audio Mix) ช่วยให้การบันทึกเสียงมีคุณภาพดียิ่งขึ้น
ดีไซน์บางและเบากว่า: ด้วยโครงอะลูมิเนียม iPhone 16e บางกว่า 0.45 มิลลิเมตรและเบากว่า 20 กรัมเมื่อเทียบกับ iPhone 15 Pro ที่ใช้โครงไทเทเนียม
แบตเตอรี่อึดกว่า: ด้วยโมเดล Apple C1 ที่ออกแบบพิเศษ ประสิทธิภาพของชิป A18 และแบตเตอรี่ที่ใหญ่กว่า 22% ทำให้ iPhone 16e มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานกว่า iPhone 15 Pro อย่างน้อย 3 ชั่วโมง
ในฐานะอุปกรณ์ที่ใหม่กว่าถึง 18 เดือนและมีชิปประมวลผลที่ทรงพลังกว่า iPhone 16e มีแนวโน้มที่จะได้รับการสนับสนุนจาก iOS เวอร์ชันล่าสุดได้ยาวนานกว่า iPhone 15 Pro นอกจากนี้ ยังมีโอกาสใช้งานได้นานกว่าเมื่อคำนึงถึงการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ โดยเฉพาะหากเปรียบเทียบกับ iPhone 15 Pro มือสอง
อย่างไรก็ตาม ในด้านอื่นๆ iPhone 15 Pro เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างทั้งสองรุ่นมีดังนี้:
การออกแบบและจอแสดงผล: iPhone 16e มีดีไซน์เป็นอะลูมิเนียมและกระจก พร้อมรอยบากแบบ “Notch” ที่บรรจุกล้อง TrueDepth ความสว่างสูงสุด 800 นิต (ทั่วไป) และ 1,200 นิต (สำหรับเนื้อหา HDR)
ขณะที่ iPhone 15 Pro มีดีไซน์ไทเทเนียมและกระจก พร้อม Dynamic Island แทนรอยบาก ความสว่างสูงสุด 1,000 นิต (ทั่วไป), 1,600 นิต (สำหรับเนื้อหา HDR) และ 2,000 นิต (กลางแจ้ง) นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยี ProMotion ที่ปรับอัตรารีเฟรชได้สูงสุด 120Hz และจอแสดงผลแบบ Always-on ที่ไม่มีใน iPhone 16e
ประสิทธิภาพและการเชื่อมต่อ: iPhone 16e มาพร้อมชิป A18 (ผลิตด้วยกระบวนการ 3nm N3E ที่พัฒนาแล้ว) ความเร็วสัญญาณนาฬิกา CPU 4.04 GHz, GPU 4 คอร์, หน่วยความจำ LPDDR5X-7500 แบนด์วิดท์ 60 GB/s และโมเด็ม Apple C1
ส่วน iPhone 15 Pro มีชิป A17 Pro (ผลิตด้วยกระบวนการ 3nm N3B พื้นฐาน) ความเร็วสัญญาณนาฬิกา CPU 3.78 GHz, GPU 6 คอร์, หน่วยความจำ LPDDR5-6400 แบนด์วิดท์ 51.2 GB/s และโมเด็ม Qualcomm X70
iPhone 15 Pro มีเทคโนโลยีการเชื่อมต่อที่เหนือกว่าในหลายด้าน เช่น การรองรับ 5G แบบ mmWave, Wi-Fi 6E (เทียบกับ Wi-Fi 6 ใน iPhone 16e), เทคโนโลยีเครือข่าย Thread และชิป Ultra Wideband รุ่นที่สอง
กล้องและคุณสมบัติการถ่ายภาพ: iPhone 16e มีระบบกล้อง “Advanced” 2-in-1 ประกอบด้วยกล้องหลัก 48 ล้านพิกเซลพร้อมรูรับแสง ƒ/1.6 รองรับการซูมออปติคัล 1x และ 2x
ส่วน iPhone 15 Pro มีระบบกล้อง “Pro” แบบ 3 กล้อง ประกอบด้วยกล้องหลัก 48 ล้านพิกเซลพร้อมรูรับแสง ƒ/1.78 และเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่กว่า, กล้อง Ultra Wide 12 ล้านพิกเซลพร้อมรูรับแสง ƒ/2.2 และกล้อง Telephoto 12 ล้านพิกเซลพร้อมรูรับแสง ƒ/2.8 รองรับการซูมออปติคัล 0.5x, 1x, 2x และ 3x
iPhone 15 Pro ยังมีเทคโนโลยีกันสั่นแบบ sensor-shift รุ่นที่สอง, แฟลช Adaptive True Tone, สแกนเนอร์ LiDAR และคุณสมบัติการถ่ายภาพขั้นสูงอื่นๆ เช่น Portrait mode with Depth Control, Night mode portraits, Macro photography และ Apple ProRAW
ในขณะที่ iPhone 16e มีเพียงคุณสมบัติการลดเสียงลมรบกวนและ Audio Mix เป็นข้อได้เปรียบ
การบันทึกวิดีโอ: iPhone 15 Pro เหนือกว่าอย่างชัดเจนในด้านการบันทึกวิดีโอ สามารถถ่ายและโอนภาพ 48 ล้านพิกเซล ProRAW ไปยัง Mac ผ่าน USB 3, บันทึกวิดีโอโดยตรงไปยังไดรฟ์ภายนอก, บันทึกวิดีโอ ProRes ความละเอียดสูงสุด 4K ที่ 30 fps (60 fps เมื่อบันทึกภายนอก), บันทึกวิดีโอ Macro รวมถึงวิดีโอแบบ slow-motion และ time-lapse, บันทึกวิดีโอแบบ Log และรองรับระบบเข้ารหัสสี Academy Color นอกจากนี้ ยังสามารถถ่ายภาพและวิดีโอแบบ spatial สำหรับ Apple Vision Pro
การถ่ายโอนข้อมูลและการเชื่อมต่อ: iPhone 15 Pro รองรับความเร็วการถ่ายโอน USB 3 (สูงสุด 10Gb/s เร็วกว่า 20 เท่า) เทียบกับ USB 2 (สูงสุด 480Mb/s) ใน iPhone 16e และรองรับ DisplayPort สำหรับการส่งสัญญาณวิดีโอ 4K HDR
ทั้งสองรุ่นรองรับเคส, กระเป๋าสตางค์, อุปกรณ์ชาร์จไร้สายและอุปกรณ์เสริม MagSafe อื่นๆ แต่ iPhone 15 Pro รองรับการชาร์จไร้สาย MagSafe ได้สูงสุด 15W กับอะแดปเตอร์ 20W ขึ้นไป
แบตเตอรี่และขนาด: iPhone 16e มีแบตเตอรี่ขนาด 4,005mAh ให้อายุการใช้งาน 26 ชั่วโมง น้ำหนัก 167 กรัม และหนา 7.80 มิลลิเมตร
ขณะที่ iPhone 15 Pro มีแบตเตอรี่ขนาด 3,274mAh ให้อายุการใช้งาน 23 ชั่วโมง น้ำหนัก 187 กรัม และหนา 8.25 มิลลิเมตร
ตัวเลือกความจุและสี: iPhone 16e มีตัวเลือกความจุ 128GB, 256GB และ 512GB สีขาวและดำ
ส่วน iPhone 15 Pro มีตัวเลือกความจุ 128GB, 256GB, 512GB และ 1TB สีไทเทเนียมธรรมชาติ, ไทเทเนียมน้ำเงิน, ไทเทเนียมขาวและไทเทเนียมดำ
iPhone 15 Pro มอบคุณสมบัติเหนือกว่า iPhone 16e ในหลายด้าน แม้ราคาจะใกล้เคียงกัน ความสามารถที่โดดเด่น เช่น จอแสดงผล ProMotion พร้อมฟังก์ชัน Always-on, MagSafe, Dynamic Island และจอแสดงผลที่สว่างกว่า ทำให้ผู้บริโภคหลายคนเลือก iPhone 15 Pro มากกว่า iPhone 16e ที่สำคัญคือ iPhone 15 Pro มีคุณสมบัติกล้องที่หลากหลายกว่าทั้งในด้านซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ เช่น สแกนเนอร์ LiDAR, กล้อง Telephoto และกล้อง Ultra Wide
อย่างไรก็ตาม iPhone 16e ยังคงมอบความสามารถที่น่าสนใจหลายอย่างเช่นเดียวกับ iPhone 15 Pro เช่น การรองรับ Apple Intelligence, พอร์ต USB-C, ปุ่ม Action และกล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปไม่พลาดคุณสมบัติสำคัญมากนัก ดังนั้น จึงมีบางกรณีที่ควรเลือก iPhone 16e มากกว่า iPhone 15 Pro เช่น หากอายุการใช้งานแบตเตอรี่หรือความทนทานของอุปกรณ์เป็นปัจจัยสำคัญที่สุด iPhone 16e ยังคงเป็นตัวเลือกที่เหนือกว่า
ในทำนองเดียวกัน หากมีความต้องการเพียงขั้นพื้นฐานและไม่ได้สนใจกล้องหลังระดับ “Pro” หรือคุณสมบัติต่างๆ เช่น ProMotion และจอแสดงผลแบบ Always-on, iPhone 16e อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า ในกรณีนี้ คุณจะยังได้รับประโยชน์จากคุณสมบัติที่เพียบพร้อมของอุปกรณ์ iPhone 16e ยังคงเป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาอย่างดีและมีความสมดุล โดยเฉพาะสำหรับผู้ใช้ iPhone ทั่วไปและผู้ที่เปลี่ยนจากรุ่นเก่ากว่ามาก
อ้างอิง | Macrumors.com