บริษัท เอชเอ็มดี โกลบอล เจ้าของลิขสิทธิ์การจัดจำหน่ายสมาร์ทโฟนแบรนด์โนเกียทั่วโลกแต่เพียงผู้เดียว ได้เปิดตัวโทรศัพท์มือถือ 5 รุ่นล่าสุด โดยสองรุ่นแรกเป็นสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการ androidone ได้แก่ Nokia 7.2 สมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกล้องเลนส์ ZEISS สามตัว มีความละเอียดสูงถึง 48MP และ Nokia 6.2 โดดเด่นด้วยหน้าจอแบบ PureDisplay พร้อมกล้องสามตัว และ AI การถ่ายภาพที่ทำให้ทุกภาพถ่ายของคุณสวยสมจริงนอกจากนี้ บริษัทยังได้ขยายขอบเขตของฟีเจอร์โฟน เพื่อรองรับเครือข่ายและกลุ่มตลาดที่เพิ่มขึ้นใหม่ ด้วย Nokia 800 Tough โทรศัพท์รุ่นแรกจาก เอชเอ็มดี โกลบอล ที่มาในรูปแบบแข็งแรงทนทาน ได้เครื่องหมายรับรองมาตรฐานใหม่ของมือถือแบรนด์ Nokia

 โดยเน้นมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนาน และมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยอย่าง Google Assistant, WhatsApp, 4G และอีกมากมาย ถัดมาคือ รุ่น Nokia 2720 Flip ตัวเครื่องมีขนาดกะทัดรัด หยิบจับง่าย และใช้งานสะดวก ด้วยเทคโนโลยี AI ที่มาพร้อมเครื่อง ทำให้โทรศัพท์รุ่นนี้เหมาะกับกลุ่มคนที่มองหาโทรศัพท์ที่เน้นการใช้งานมากกว่าฟังก์ชัน ตัวสุดท้ายคือรุ่น Nokia 110 เป็นโทรศัพท์ที่มาพร้อมความบันเทิงอย่างครบครันในราคาที่จับต้องได้

Nokia โทรศัพท์แห่งอนาคต

เอชเอ็มดี โกลบอล มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างโนเกียให้เป็นโทรศัพท์แห่งอนาคต โดยมีการดำเนินงานภายใต้แนวคิดที่ว่า เทคโนโลยีและนวัตกรรมจะต้องขับเคลื่อนผู้คนให้ก้าวไปข้างหน้า และไม่ถูกจำกัดด้วยราคา เอชเอ็มดี โกลบอล จึงได้วางกลยุทธ์การลงทุนที่สำคัญสำหรับอนาคตไว้

 โดยการลงทุนนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อผลักดันให้เกิดความแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของกล้องที่มอบประสบการณ์การถ่ายภาพที่มากขึ้นกว่าเดิม ระบบความปลอดภัย รวมถึงนวัตกรรมและวัสดุในการออกแบบ นำเสนอประโยชน์ของเทคโนโลยีเครือข่ายใหม่ให้กับผู้ชมในวงกว้างมากขึ้น นอกจากนี้ เอชเอ็มดี โกลบอล ยังประกาศความมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ 5G เกรดพรีเมี่ยมในราคาที่จับจองได้ในปี 2020

มร.ฟลอเรียน ซีช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอชเอ็มดี โกลบอล กล่าวว่า: “ขณะนี้เรากำลังปูทางสำหรับก้าวต่อไปของสมาร์ทโฟน และได้วางกลยุทธ์ในการลงทุนเพื่อสร้างประสบการณ์การใช้สมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดจากโนเกียให้แก่ลูกค้าทุกท่าน นอกจากนี้ ยังให้ความสนใจไปที่การพัฒนานวัตกรรมในเรื่องของ 5G โดยเน้นด้านความปลอดภัย การถ่ายภาพ และการดีไซน์อีกด้วย”

“โนเกียเป็นสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ที่การันตีการอัปเกรดระบบปฏิบัติการขั้นต่ำสองเวอร์ชันและอัปเดตระบบความปลอดภัยประจำเดือน 3 ปี ทำให้เราเป็นแบรนด์ยุโรปเพียงหนึ่งเดียวที่เน้นความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยและประสบการณ์ Android Pure เช่นกันกับความสำเร็จในการนำระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชันล่าสุดมาอยู่ในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยเราเป็นแบรนด์เดียวที่ให้บริการอัปเดตความปลอดภัยรายเดือนอย่างต่อเนื่อง อันเป็นพันธสัญญาของเราที่จะมอบความปลอดภัยให้แก่โทรศัพท์ของคุณ”

ยกระดับสมาร์ทโฟนรุ่นกลางไปอีกขั้น

ในกลุ่มผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนรุ่นกลางนั้น ทาง เอชเอ็มดี โกลบอล ได้มีกำหนดการวางจำหน่ายถึงสองรุ่น ได้แก่ Nokia 7.2 และ Nokia 6.2 ซึ่งส่งมอบประสบการณ์ชั้นนำให้แก่แฟนๆ ทั้งด้านดิสเพลย์ จอแสดงผลภาพ และการถ่ายภาพ นอกจากนี้ สมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นยังได้พัฒนาในด้านดีไซน์และวัสดุระดับพรีเมี่ยมในสไตล์ยุโรปแบบนอร์ดิก

มร. จูโฮ ซาร์วีกาส ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ บริษัท เอชเอ็มดี โกลบอล กล่าวว่า: “สมาร์ทโฟนรุ่นกลางของเรา ได้รับการตอบรับที่ดีมาอย่างต่อเนื่องจากบรรดาแฟนๆ ของโนเกีย โดย Nokia 7.2 และ Nokia 6.2 ได้ดำเนินการตามปรัชญาเดียวกัน ด้วยการมอบประสบการณ์ระดับพรีเมี่ยมในราคาสุดพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการภาพถ่ายด้วยกล้องเลนส์ ZEISS สามตัวที่มีความละเอียดถึง 48MP ของ Nokia 7.2 ไปจนถึงหน้าจอแบบ PureDisplay ซึ่งดีที่สุดในบรรดาสมาร์ทโฟน 

ดังนั้นทั้ง Nokia 7.2 และ Nokia 6.2 จะสามารถนำประสบการณ์ที่ดีที่สุดมาสู่แฟนๆ ของโนเกียได้ อีกทั้งแบตเตอรี่ของสมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนานถึง 2 วัน และออกแบบด้วยวัสดุที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูง เอกลักษณ์เฉพาะจากยุโรปแบบนอร์ดิกอย่างแท้จริง นอกจากนี้ Nokia 7.2 และ Nokia 6.2 ยังพร้อมรองรับการอัปเกรดเป็นระบบปฏิบัติการ Android 10 ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการรุ่นล่าสุด ที่จะมอบประสบการณ์การใช้งานที่ ‘ยิ่งใช้ ยิ่งดีขึ้นทุกวัน’ ”

Nokia 7.2 – มาพร้อมกล้อง 48MP เลนส์ ZEISS 3 ตัว และจอคุณภาพสูง PureDisplay

Nokia 7.2 ใช้กล้องสามตัวที่มีความละเอียดถึง 48MP พร้อมด้วยเทคโนโลยี Quad Pixel และเลนส์ ZEISS มอบประสบการณ์การถ่ายภาพสุดพิเศษให้แก่ผู้ใช้งาน อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกของวงการที่ได้นำ DSLR pro     มาใส่ในสมาร์ทโฟนระดับกลาง ด้วยเทคโนโลยีและคุณสมบัติการถ่ายภาพที่เป็นเอกลักษณ์ ความสามารถของเลนส์ ZEISS ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะในโหมดการถ่ายภาพบุคคล ได้ภาพโบเก้ที่สวยงาม ทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับการถ่ายภาพและคุณภาพที่ยอดเยี่ยมของภาพถ่ายไม่ว่าจะเวลาไหนก็ตาม การถ่ายภาพสไตล์โบเก้นี้โนเกียได้รังสรรค์ขึ้นมาใหม่เพื่อเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเลนส์ ZEISS

นอกจากนี้ Nokia 7.2 ยังมอบอิสระในการสร้างสรรค์ภาพถ่ายให้แก่แฟนๆ ไม่ว่าจะเป็นหน้าชัดหลังละลาย เพื่อเลียนแบบโบเก้แสงธรรมชาติ การนำเสนอการถ่ายภาพแสงน้อยขั้นสูงด้วยโหมดกลางคืน โดยใช้เทคโนโลยีฟิวชันภาพแสงน้อยของ AI ร่วมกับกล้องหลักความละเอียด 48MP ที่มีความไวแสงสูง อีกทั้งยังมีแบตเตอรี่ที่มีอายุการใช้งานยาวนานถึง 2 วัน เทคโนโลยี PureDisplay และ HDR พร้อมการดีไซน์แบบนอร์ดิกสุดคลาสสิก เพื่อตอบสนองความต้องการให้กับผู้ใช้งานอย่างครบครัน

Nokia 6.2 – โดดเด่นด้วยจอคุณภาพสูง PureDisplay

Nokia 6.2 เป็นสมาร์ทโฟนซีรีส์ 6 ตัวแรกที่เปิดตัวด้วยกล้องสามตัวและเทคโนโลยี PureDisplay นำเสนอประสบการณ์การรับชมและการถ่ายภาพขั้นสูงที่ทุกคนสามารถจับต้องได้ ซึ่ง Nokia 6.2 ได้นำ HDR มาไว้ในสมาร์ทโฟนกลุ่มใหม่ โดยมีเทคโนโลยี PureDisplay ซึ่งขับเคลื่อนด้วยหน่วยประมวลผลภาพที่ให้สีได้ถึง หนึ่งพันล้านเฉดสี ด้วยการรวมคุณสมบัติของ AI และความสามารถของเซ็นเซอร์กล้องสามตัวที่ทำให้ Nokia 6.2 ช่วยจับภาพได้อย่างฉับไว ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดต่างๆ ภาพโบเก้ ภาพถ่ายบุคคล หรือภาพมุมกว้าง และด้วยอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานถึง 2 วัน 

แฟนๆ จึงสามารถสนุกกับการใช้งานได้มากขึ้น โดยไม่ต้องกังวลเรื่องของแบตเตอรี่ ยิ่งไปกว่านั้น Nokia 6.2 ยังคงความหรูหราในสไตล์ยุโรป ผนึกรวมกับดีไซน์สุดคลาสสิก และวัสดุล้ำสมัย พื้นผิวมีเอกลักษณ์ไร้รอยต่อไม่เหมือนใคร

การขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ฟีเจอร์โฟน เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้งานเฉพาะกลุ่ม

มร. จูโฮ ซาร์วีกาส ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ บริษัท เอชเอ็มดี โกลบอล กล่าวว่า: “ในฐานะผู้นำของกลุ่มโทรศัพท์ฟีเจอร์โฟน เรายังคงนำเสนอนวัตกรรมในด้านการออกแบบโทรศัพท์ การออกแบบโครงสร้าง และเน้นฟังก์ชันการใช้งาน เพื่อให้แน่ใจว่าเราตอบสนองต่อความต้องการของแฟนๆ โนเกีย      ฟีเจอร์โฟน รวมถึงแฟนๆ กลุ่มใหม่ของโนเกียได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งการขยายขอบเขตการเข้าถึงฟีเจอร์โฟนและเครือข่ายแบบใหม่นั้น เรายังคงความเป็นโนเกียอยู่อย่างครบถ้วน วันนี้เราภูมิใจแนะนำโนเกียฟีเจอร์โฟนที่ทนทานที่สุดอย่าง Nokia 800 Tough ซึ่งเป็นฟีเจอร์โฟนในอุดมคติสำหรับนักผจญภัยกลางแจ้ง หรือผู้ที่ต้องการใช้งาน ส่วน Nokia 2720 Flip นั้น ได้พัฒนามาจากต้นแบบรุ่นก่อน เหมาะกับกลุ่มคนที่มองหาโทรศัพท์ที่เน้นการใช้งานมากกว่าฟังก์ชัน นอกจากนี้ยังมีรุ่น Nokia 110  ซึ่งเป็นฟีเจอร์โฟนที่มาพร้อมความบันเทิงอย่างครบครันในเครื่องเดียว”

Nokia 800 Tough – สร้างมาตรฐานใหม่ด้วยความทนทานและอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนาน

Nokia 800 Tough เป็นโทรศัพท์จาก เอชเอ็มดี โกลบอล รุ่นแรกที่มีความแข็งแรงทนทานมากที่สุด Nokia 800 ไม่เพียงแต่กันน้ำและกันฝุ่นได้เท่านั้น แต่ยังออกแบบมาให้ทนต่ออุณหภูมิสูงได้เป็นอย่างดี จึงเหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องเดินทางผจญภัยแบบสมบุกสมบัน นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติที่แฟนๆ ต่างคาดหวังที่จะได้จากโทรศัพท์ในยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่ม Google Assistant หรือแอปพลิเคชันยอดนิยมอย่าง WhatsApp และ Facebook การเชื่อมต่อ 4G และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งทางเอชเอ็มดี โกลบอล กำลังเพิ่มความสามารถตามคำขอเพื่อเข้าถึงผู้ใช้กลุ่มใหม่ เช่น กลุ่ม B2B และลูกค้าจากองค์กรที่ต้องการโทรศัพท์มือถือที่มีความทนทานสูง รวมถึงผู้ที่ต้องการมีโทรศัพท์ไว้อุ่นใจเวลาออกไปผจญภัยข้างนอก

Nokia 2720 Flip – โทรศัพท์ฝาพับสุดคลาสสิคที่มาพร้อมการเชื่อมต่อแบบ 4G

Nokia 2720 Flip เป็นโทรศัพท์ฝาพับแบบคลาสสิกที่ถูกออกแบบใหม่สำหรับผู้ใช้ในยุคปัจจุบัน มีขนาดกะทัดรัด พกพาง่าย และใช้งานสะดวกจากเทคโนโลยี AI โดยการออกแบบโทรศัพท์แบบฝาพับที่มีความเรียบง่ายและไว้ใจได้ในเรื่องของความทนทาน Nokia 2720 Flip ยังนำคุณสมบัติที่ทันสมัยมาสู่แฟนๆ อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น WhatsApp และ Facebook เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะไม่พลาดการเชื่อมต่อกับสิ่งที่สำคัญ และ Google Assistant ด้วยการกดปุ่มเพียงครั้งเดียว ระบบ Google Assistant สามารถช่วยจัดการการโทรด้วยเสียงของคุณเอง

หากเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ปุ่มฉุกเฉินของ Nokia 2720 จะทำให้คุณรู้สึกปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยการกดปุ่มส่งข้อความฉุกเฉินรวมถึงที่ตั้งปัจจุบัน และจะโทรออกฉุกเฉินไปยังคนที่คุณรัก

Nokia 110 – ความบันเทิงฉบับพกพา

Nokia 110 ฟีเจอร์โฟนที่มาพร้อมกับทุกสิ่งที่คุณต้องการเพื่อความบันเทิงขณะเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเล่น MP3 กล้อง และวิทยุ FM อีกทั้งยังมีเกมที่คุณชื่นชอบอย่างเกมงูสุดคลาสสิก

 และแบตเตอรี่ที่ให้คุณพูดคุยตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตก ด้วยการชาร์จเพียงครั้งเดียว Nokia 110 ถูกพัฒนามาจาก Nokia 105 ที่ประสบความสำเร็จโดยเพิ่มกล้อง การฟังเพลง และการเล่นเกม เพื่อมอบความบันเทิงที่มากขึ้นในราคาที่ใกล้เคียงกันอีกด้วย

หูฟังไร้สาย True Wireless Nokia Power

ความสำเร็จจากการได้รับรางวัล ของ Nokia True Wireless Earbuds ทาง เอชเอ็มดี โกลบอล ขอแนะนำหูฟังไร้สาย True Wireless Nokia Power ซึ่งเป็นสมาชิกล่าสุดของตระกูลหูฟังไร้สาย True Wireless ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้นเมื่อรวมเข้ากับกล่องชาร์จแบบพกพา สามารถชาร์จใหม่ได้สูงสุด 30 ครั้ง และใช้งานอย่างต่อเนื่องได้นานสูงสุด 150 ชั่วโมง

หูฟังไร้สาย True Wireless Nokia Power มอบเสียงคุณภาพสูงด้วยไดรเวอร์ Graphene ขนาด 6 mm กันน้ำได้นานถึง 30 นาที ที่ระดับความลึก 1 เมตร พร้อมด้วยระดับมาตรฐาน IPX7 นอกจากนี้คุณสามารถจับคู่กับสมาร์ทโฟน Nokia ของคุณได้อย่างง่ายดายด้วยการเชื่อมต่อกับ Bluetooth® 5.0 และเพื่อช่วยให้คุณทำงานได้มากขึ้นด้วยเสียงของคุณ หูฟังไร้สาย True Wireless Nokia Power มาพร้อมกับ Google Assistant เพียงสัมผัสเดียวก็จะเปลี่ยนหูฟังให้กลายเพื่อนร่วมทางอเนกประสงค์ที่สมบูรณ์แบบในทุก ๆ วัน

วันที่และการจัดจำหน่าย:

  • Nokia 7.2 มาในสี Cyan Green, Charcoal และ Ice หน่วยความจำ 4GB / 64GB และ 6GB / 128GB ราคา 299 / 349 ยูโร ตามลำดับ วางจำหน่ายในบางประเทศ ตั้งแต่สิ้นเดือนกันยายนเป็นต้นไป
  • Nokia 6.2 มาในสี Ceramic Black และ Ice หน่วยความจำ 3GB / 32GB และ 4GB / 64GB ราคา 199/249 ยูโร ตามลำดับ วางจำหน่ายในบางประเทศ ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป
  • Nokia 800 Tough มาในสี Black Steel และ Desert Sand จะเริ่มจำหน่ายในบางประเทศ ในช่วงต้นเดือนตุลาคม ราคา 109 ยูโร
  • Nokia 2720 Flip มาในสี Ocean Blue, Black และ Pink จะเริ่มจำหน่ายในช่วงเดือนกันยายน ราคา 2,790 บาท และเปิดจอง Nokia 2720 สี Black ล่วงหน้า เฉพาะบน Lazada เท่านั้น
  • Nokia 110 มาในสี Ocean Blue, Black และ Pink จะเริ่มจำหน่ายในในบางประเทศ ช่วงกลางเดือนกันยายน ราคา 20 ดอลลาร์สหรัฐ ทั่วโลก
  • หูฟังไร้สาย Nokia Power มาในสี Charcoal Black และ Light Grey จะเริ่มวางจำหน่ายในบางประเทศ ในช่วงเดือนตุลาคม ราคา 79 ยูโร 
SHARE
คนเล่าเรื่องไอที ที่เชื่อว่าการได้เดินทางและการพบปะพูดคุยกับผู้คนในสายงานต่าง ที่ไม่คุ้นเคยคือกำไรชีวิต...หลงไหลในการเดินทางเป็นชีวิตจิตใจ ตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อได้เจอเจ้าหน้าที่ ตม.
RELATED POSTS
ชมตัวอย่างภาพจาก “Samsung Galaxy S10+” ของจริงหลังการเปิดตัว
Google Cloud เสริมศักยภาพธุรกิจทุกขนาดด้วย Generative AI แบบใหม่
อินเทลเปิดตัวโปรเซสเซอร์ใหม่รุ่น 9th Gen Core i9-9900K โปรเซสเซอร์สำหรับเกมมิ่งที่ดีที่สุดในโลก

Leave Your Reply

*