ทำงานที่บ้านกันมาก็เข้ารอบสองแล้ว เชื่อว่าหลายคนที่ต้องเปลี่ยนจากการทำงานออฟไลน์มาเป็นออนไลน์ เพื่อให้การทำงานยังคงทำได้อย่างต่อเนื่องไม่ติดขัดนั้นต้องมีกลเม็ดเด็ดเคล็ดลับในการทำงานได้อย่างไหลลื่น
ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการใช้แอปเข้าช่วย และคงจะหนีไม่พ้นแอปยอดฮิตอย่าง Microsoft Teams เพื่อการทำงานระดับพรีเมียมที่ไม่ใช่แค่ทำให้เราได้ทำงานด้วยกัน แต่เป็นการที่เราได้ทำงานร่วมกันในยุคที่ต้องการความยืดหยุ่นในการทำงานสูงอย่างยุคนี้
การประชุมพ่วงกับทำงานร่วมกันออนไลน์กลายเป็นที่นิยมเพราะเริ่มไม่ยึดติดกับการต้องเจอตัวกันเพื่อความปลอดภัยและประหยัดเวลา
ผ่านมาระดับนี้ แล้วอะไรคือ Best of ยอดนิยมของฟีเจอร์เด็ดๆ ที่เหล่าคนทำงานเค้าใช้กันบ้างในปี 2020
Meeting Record บันทึกในรูปแบบวิดิโอเพื่อไม่พลาดทุกรายละเอียดของการประชุม พร้อมให้ผู้ร่วมประชุมรีเพลย์ได้ทุกเมื่อ ช่วยบันทึกการพูดคุยพร้อม presentation ที่เกิดขึ้นในการประชุม หลังจากการประชุมเสร็จสิ้นสามารถนำมาฟังใหม่ได้ทันที เพื่อให้กับผู้ที่พลาดการประชุม หรือต้องการใช้ประกอบการทำงานได้อย่างไร้กังวล
Blur Background จัดฉากหลังไม่ทัน เบลอไปเลยแล้วกันง่ายดี ใช้กันเยอะเลย สำหรับใครที่เบื่อพื้นหลังแบบเดิมๆ หรือบางครั้งไม่พร้อมให้ใครเห็นฉากหลัง หมดห่วงได้เลยเมื่อ Teams ให้คุณประชุมออนไลน์แบบไม่ต้องห่วงว่าจะเห็นอะไรด้านหลังเราอีกต่อไป! เพราะ AI จะเข้ามาช่วยเบลอพื้นหลังที่ไม่พึงประสงค์ออกไปอย่างง่ายดาย
Co-Authoring แก้งานร่วมกันแบบเรียลไทม์ ได้จากทุกที่ ในขณะที่คุยกันไปด้วยในที่ประชุม หรือออกจากที่ประชุมมาทำด้วยกันก็ได้ ทำงานร่วมกันในเอกสารเดียวกันได้อย่างง่ายดายโดยเปิดบน Microsoft Teams ได้เลยไม่ว่าจะเป็น Word, PowerPoint และ Excel แก้ไขงานไปได้พร้อมกันบนไฟล์เดียวกันและติดตามประวัติการแก้ไขได้ด้วย นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มความคิดเห็น และสิ่งที่ต้องทำ หรือสนทนากับเพื่อนร่วมงานได้ผ่านการแชตบนไฟล์ได้ทันที
File sharing แชร์ไฟล์กับคนในคอล ง่ายแค่ “คลิก” เดียว เพราะความง่ายเลยติดอันดับที่ 4 เลยทีเดียว แค่เลือกไฟล์ที่ต้องการแชร์ จากนั้นโยนไฟล์เข้าไปในแชท หรือเลือกไฟล์จากใน drive ตัวเองก็ได้ สามารถแชร์ไฟล์ได้ทุกรูปแบบ จะแชร์แบบหนึ่งต่อหนึ่งหรือกลุ่มเฉพาะที่ประชุมกันก็ไม่มีปัญหา ระหว่างประชุมก็ยังสามารถพูดคุยเกี่ยวกับไฟล์ได้โดยตรงจากหน้าต่าง หรือกำหนดเวลาการประชุมได้โดยไม่ต้องออกจากการแชท แถมไม่ต้องสลัปแอปฯ ไปมาอีกต่างหาก เพราะทุกอย่างมีอยู่ในแชทหมดแล้ว!
Live reactions ให้ผู้ร่วมประชุมแสดงความรู้สึกแบบเรียลไทม์ได้ง่ายขึ้น ผ่านอีโมจิแบบไลฟ์บนหน้าจอ ในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น หัวเราะ ปรบมือ หรือกดหัวใจ เพื่อสื่อสารทุกความในใจหรือให้กำลังใจกับเพื่อนๆ ให้รู้ว่าเรายังตั้งใจฟังเค้าอยู่นะ แถมช่วยให้บรรยากาศในการประชุมไม่น่าเบื่ออีกด้วย อันนี้เป็นฟังก์ชั่นใหม่ แต่ก็ฮิตทันทีที่ออกมา
Raise Your Hand ส่งสัญญาณ เมื่อต้องการแสดงความคิดเห็นผ่านการยกมือแบบดิจิทัล โดยเฉพาะการประชุมออนไลน์ที่มีคนประชุมเยอะๆ แต่ไม่อยากขัดจังหวะการสนทนา ก็สามารถคลิกที่ไอคอน ”✋” เพื่อขอพูดในที่ประชุมได้เลย
Give หรือ Request control ใครอยากพรีเซนต์งานตอนไหนก็ได้ ไม่ติดขัด กรณีที่กำลังแชร์ไฟล์
พรีเซนต์อยู่ และต้องการให้ผู้เข้าร่วมการประชุมคนอื่นช่วยแชร์ไฟล์ ก็สามารถเลือกคำสั่ง “Give control” ให้เพื่อนร่วมงานช่วยแชร์ได้ และในขณะเดียวกันเพื่อนสมาชิกในทีมต้องการพรีเซนต์บ้าง ก็สามารถขอได้เหมือนกันผ่าน “Request control” เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ช่วยทำให้การประชุมดำเนินไปอย่างราบรื่น และดูเป็นมืออาชีพยิ่งขึ้น
Audio and video calling ฟรีคอล ที่ใช้บนโทรศัพท์มือถือได้เลย หากคุณมีแอปทีมส์ในมือถือ จะคุยเดี่ยว หรือคุยเป็นกลุ่มก็ไม่มีปัญหา หรือจะคุยบนดีไวซ์ใดก็ได้เพียงเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตเท่านั้น
Voice call มีเบอร์ออฟฟิศติดตัว ลูกค้าจะได้ไม่ต้องโทรเข้าเบอร์ส่วนตัว เสมือนยกโทรศัพท์ออฟฟิศติดตัวไปด้วยทุกที่ โทรหรือรับสายที่ไหนก็ได้ เพียงใช้เบอร์ออฟฟิศ เบอร์เดียวเอาอยู่! แถมมีบริการโอนสายไปให้คนอื่น ในกรณีที่เรายังไม่ว่างรับสายได้อีกด้วย อันนี้เรียกว่ามันฮิตหรือจะเรียกว่าจำเป็นก็ได้
Together Mode สร้างบรรยากาศการประชุมแบบใหม่ให้สดใส และมีลูกเล่นกว่าเดิม ปรับเปลี่ยนมุมมองการเข้าประชุมได้ตามใจชอบ โดยการนำผู้เข้าร่วมประชุมไปไว้ในฉากต่างๆ เช่น ฉากห้องสมุด ห้องประชุมใหญ่ ร้านกาแฟ ราวกับว่าทุกคนอยู่ในสถานที่เดียวกันจริงๆ สร้างบรรกาศที่อบอุ่นขึ้น
เพิ่มเติมซักนิด สำหรับการก้าวข้ามผ่านสู่การทำงานที่ไม่ยึดติดกับสถานที่ หลายๆคนเริ่มมีฝีมือหรือฝึกฝนทักษะด้านดิจิทัลมากันพอสมควร โดยเฉพาะฟีเจอร์หรือโซลูชันส์ที่เกี่ยวข้องหรือเอื้อให้ทำงานได้ง่ายขึ้น รวดเร็วขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่อย่างหนึ่งที่ลืมไม่ได้ เพราะเราอยู่บนโลกดิจิทัลแล้ว ความปลอดภัยท่ามกลางสถานการณ์ปัจจุบันนั้นมีความจำเป็นมาก เลยขอแนะนำอีกหนึ่งโซลูชันที่จะเข้ามาทำให้การทำงานสะดวกยิ่งขึ้นเสมือนยกออฟฟิศมาไว้กับเรา คือการทำงานผ่าน Microsoft Azure ที่เรียกว่า “Windows Virtual Desktop” เพื่อตอบโจทย์การทำงานที่บ้าน หรือ Work From Home ให้เป็นเรื่องที่ง่าย สะดวก บนความปลอดภัยที่มากกว่า
Windows Virtual Desktop หรือ เดสก์ท็อปเสมือนจริง เป็นบริการจากไมโครซอฟท์ที่ช่วยให้พนักงานสามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญภายในองค์กรได้จากที่บ้านจากเครือข่ายไหนก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องยกคอมฯ ที่ออฟฟิศกลับบ้าน และองค์กรก็ไม่ต้องเปิดเซิร์ฟเวอร์หรือพีซีของออฟฟิศเอาไว้ตลอดเวลา เพียงแค่ยกข้อมูล แอปฯ และไฟล์ต่าง ๆ ที่สำคัญ ขึ้นไปรันบนคลาวด์ Microsoft Azure ที่ขึ้นชื่อเรื่องการบริหารจัดการข้อมูลได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และมีความมั่นคงปลอดภัยอันแสนครบครันตามมาตรฐานระดับสากล
เพียงแค่นี้ก็สร้างประสบการณ์การใช้งานเดสก์ท็อปที่ดีที่สุดได้แล้ว ทั้งหมดนี้ใช้งานได้ง่ายๆ เพียงเชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ต และล็อกอินผ่านเบราว์เซอร์ ก็สามารถใช้งานได้ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การทำงานในยุคดิจิทัลที่เข้ามาช่วยให้ทำงานได้สะดวกยิ่งขึ้นไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน และทำงานได้บนอุปกรณ์ทุกประเภทอย่างปลอดภัย ลดความเสี่ยงในการรั่วไหลของข้อมูลออกนอกองค์กรจากการกำหนดการเข้าถึงไฟล์ของผู้ใช้แต่ละคนตามการใช้งาน ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถตอบสนองการทำงานที่รวดเร็วเหมือนทำบนเครื่องตัวเองได้
ทั้งหมดนี้เพราะการทำงานบน Microsoft Azure มีระบบความปลอดภัยระดับมืออาชีพที่คอยตรวจจับและยับยั้งการโจมตีทางไซเบอร์ โดยนำเทคโนโลยี AI มาเสริมประสิทธิภาพการตรวจจับที่รวดเร็วและแม่นยำ พร้อมป้องกันแบบครบวงจรโดยเฉพาะที่โครงสร้างพื้นฐานเป็นหลัก
ซึ่งดำเนินการภายใต้ระเบียบข้อบังคับด้านสารสนเทศทั้งความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวอย่างเคร่งครัด ที่สำคัญการเอาข้อมูลภายในองค์กรไปรันบน Microsoft Azure ทำให้ระบบมีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับขนาดได้ตามการใช้งานจริง
ช่วยให้องค์กรสามารถควบคุมต้นทุน และลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาได้อีกด้วย Windows Virtual Desktop เป็นฟีเจอร์ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อรองรับเทรนด์การทำงานขององค์กรในยุคดิจิทัลที่หันมาทำงานที่บ้านมากขึ้น เชื่อว่า Windows Virtual Desktop จะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือดิจิทัลที่ดีที่สุดที่เข้ามาปลดล็อกทุกข้อจำกัดในการ Work From Home ได้อย่างลงตัว