iOS 16 เป็นอีกระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุดเพื่อใช้งานกับ iPhone ที่หลายคนรู้กันดี แต่เนื่องจากฟีเจอร์ภายในที่เยอะมากและการทำงานเบื้องหลังเยอะมาก อาจจะทำให้หลายคนบอกว่ามันไม่ดีอย่างที่คิด
รวมถึงเรื่องการจัดการพลังงานต่างๆ ที่แม้ว่าจะมีการแก้ไขบ้างแล้ว แต่ว่าถ้าจะทำให้แบตเตอรี่ของมือถือที่ใช้ระบบปฏิบัติการนี้ให้อยู่ได้นานมากขึ้น จะมีอะไรที่ต้องทำบ้าง
มาดูกันทั้งหมด 15 สิ่งที่ลองทำแล้วจะทำให้แบตเตอรี่ของคุณอึดมากขึ้น จะเป็นอะไรบ้างมาดูกันเลย
ปิดฟีเจอร์ Live Activities
![batch_ios-16-live-activities-_1](https://s.isanook.com/hi/0/ud/313/1568297/batch_ios-16-live-activities-_1.jpg)
การมาของ iOS 16.1 Apple ได้เพิ่มฟีเจอร์ Live Activities เข้าไปเพื่อแจ้งเตือนเรื่องของการเดินทางของรถ Taxi หรือผลกีฬาต่างๆ เข้ามา โดยแสดงผลในหน้า Lock Screen และ Dynamic Island บน iPhone 14 Pro ดูเหมือนจะเป็นความสะดวก แต่ว่ารู้ไหมว่าฟีเจอร์นี้ถูกคนใช้งานบางกลุ่มบอกว่ามันกินพลังงานเพราะมันจะแสดงผลตลอดเวลาและลดแสงลงเล็กน้อยเท่านั้น
ดังนั้นวิธีการปิดจึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดหากอยากให้แบตเตอรี่อยู่ได้นานขึ้น ซึ่งวิธีปิดมีดังนี้
- เข้าไปที่ ตั้งค่า (Setting)
- เลือกไปที่ Face ID & Pass Code (Face ID และรหัส)
- ใส่ Passcode ของคุณ
- เลื่อนไปที่ Live Activities หรือกิจกรรมสด
ในข้อนี้อีกวิธีใช้งานได้เหมือนกันเลยคือ การเลือกปิดเฉพาะ Apps ที่ไม่ต้องการให้แสดงผลได้จะง่ายกว่าปิดทั้งหมดแบบนี้
ลบ Widget ที่ไม่ได้ใช้บน Lock Screen
![batch_carrot-weather-ios-16-w_1](https://s.isanook.com/hi/0/ud/313/1568297/batch_carrot-weather-ios-16-w_1.jpg)
การตกแต่งลูกเล่นของ iOS 16 บนหน้า Lock Screen เช่นการใส่ Widget ต่างๆ นั้นก็ส่งผลให้เครื่องต้องขยับหน้าจอตลอดเวลาส่งผลให้เกิดการกินแบตเตอรี่เกิดขึ้นได้เช่นเดียวกัน ถ้าคุณได้มากเหมือนกัน ดังนั้นการลบออกถือว่าเป็นคำตอบที่ดี
หลายคนก็ถามว่าอ้าวถ้าลบออกจาหน้า Lock Screen แล้ว แต่อยากให้แสดงผลอยู่ ขอแนะนำให้ไปลองวางในหน้า Home Screen จะดีกว่า แต่ถ้าคุณไม่ได้ใช้งาน Widget ไหนบนหน้า Home Screen ก็สามารถลบออกได้เช่นเดียวกันจะได้ไม่เปลืองไฟ
ปิดการตอบสนองของ Haptic สำหรับ Keyboard
![batch_haptic-keyboard-feedbac_1](https://s.isanook.com/hi/0/ud/313/1568297/batch_haptic-keyboard-feedbac_1.jpg)
ลูกเล่นหนึ่งที่หลายคนชอบคือการให้ Keyboard สั่นเมื่อกดซึ่งใน iOS 16 สามารถทำได้แล้วทำให้ประสบการณ์พิมพ์นั้นตอบสนองได้และรู้ว่าคุณพิมพ์ถูกและแม่นยำ
แต่ว่า Apple ก็ออกมาบอกว่า ฟีเจอร์นี้กินไฟและส่งผลต่อการใช้งานระหว่างวันแน่นอน ถ้าไม่จำเป็นปิดไปก็ได้ สำหรับวิธีปิดก็มีดังนี้
- เข้าไปที่ Setting (ตั้งค่า)
- เลือกไปที่ Sound & Haptics หรือเสียงและการสั่น
- เลือกไปที่ Keyboard Feedback หรือ การตอบสนองแป้นพิมพ์
- เลือกปิดที่ Haptic หรือ สั่น
ปิด AOD (Always On Display) บน iPhone 14 Pro
![batch_turn-off-always-on-disp_1](https://s.isanook.com/hi/0/ud/313/1568297/batch_turn-off-always-on-disp_1.jpg)
iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max เป็น iPhone กลุ่มแรกที่มีฟีเจอร์ Always On Display สามารถแสดงผลหน้าจอได้แม้ว่าจะปล่อยเครื่อง Standby โดยการลดแสงลงทำให้สามารถเห็นเวลาและ Widget ต่างๆ ได้เพราะมันค้อการนำหน้า Lock Screen มาใช้ แต่ว่า Refresh Rate จะทำงานอยู่ 1Hz แต่ก็เป็นฟีเจอร์การใช้พลังงานที่เยอะ ซึ่งเราสามารถปิดได้โดยกดดังนี้
- เข้าไปที่ Setting (ตั้งค่า)
- เลือกไปที่ Display & Brightness หรือหน้าจอและความสว่าง
- กดปิด Always On หรือ ตลอดเวลา
อย่าใช้ฟีเจอร์ iCloud Shared Photo Library
![batch_ios-16-icloud-shared-ph](https://s.isanook.com/hi/0/ud/313/1568297/batch_ios-16-icloud-shared-ph.jpg)
ฟีเจอร์ iCloud Shared Photo Library เป็นอีกลูกเล่นที่ให้คุณแบ่งปันอัลบั้มให้กับคนอื่นได้มากถึง 5 คน โดยสามารถเข้ามาแก้ไขทั้งลบภาพ, Upload หรือ แก้ไขภาพได้เลย ที่สำคัญการทำงานของฟีเจอร์นี้ต้องต่อกับ Server ตลอดทำให้กินพลังงานแบตเตอรี่ iPhone ของคุณได้
ดังนั้นถ้ำมี่จำเป็นกับฟีเจอร์นี้ ควรจะปิดฟีเจอร์นี้ดีกว่าครับ โดยวิธีการปิดมีดังนี้
- เข้าไปที่ Setting (ตั้งค่า)
- เลือกไปที่ Photos หรือ รูปภาพ
- เลือกไปที่ Cellular Data หรือ ข้อมูลเซลลูลาร์
- กดปิดข้อมูล Cellular Date
ทั้งนี้พอปิดแล้วคุณจะสามารถใช้ Wi-Fi ในการอัปโหลด นอกจากการใช้พลังงานที่น้อยลงแล้วยังได้รับการถ่ายโอนข้อมูลที่ไวกว่านั่นเอง
เลือกไม่ใช้ Animation Wallpapers
![batch_ios-16-weather-lock-scr_1](https://s.isanook.com/hi/0/ud/313/1568297/batch_ios-16-weather-lock-scr_1.jpg)
ความแตกต่างของ Wallpaper ใน iOS 16 คือจะมีการขยับของ Wallpaper ที่ดูแล้วทำให้มีสีสันในการใช้งานได้ดี ก็จริงแต่ถ้าเลือกและใช้ไปนานๆ แล้วก็ส่งผลต่อการใช้พลังงานเช่นเดียวกัน วิธีแนะนำคือถ้าใช้ Wallpaper แบบปกติ ก็จะส่งผลให้ประหยัดไฟมากขึ้น หรือบางครั้งเลือกเป็นแบบ Astronomy (ดวงดาว) ก็จะแสดงผลได้ดีและประหยัดไฟได้เช่นเดียวกัน
เลือกใช้ Focus Mode
![batch_ios-16-focus-feature_1](https://s.isanook.com/hi/0/ud/313/1568297/batch_ios-16-focus-feature_1.jpg)
การที่ Apple ติดตั้ง Focus Mode นอกจากเสริมสร้างการใช้สมาธิระหว่างทำงานได้ด้วย แต่ว่าถ้าปรับใช้ให้เหมาะสมก็ทำให้การใช้พลังงานที่เหมาะสมได้ เช่นถ้าตั้งอยู่ในโหมดทำงานก็สามารถปิดการแจ้งเตือนลง หรือเวลาที่ขับรถหรือเวลานอนช่วยโฟกัสการแจ้งเตือนหรืออ่านอีเมลแค่บางแบบ หรือ ปฏิทิน ทำให้การแจ้งเตือนไม่รบกวนการทำงานของเราได้
เมื่อการแจ้งเตือนน้อยลงทำให้ส่งผลให้การพลังงานได้ลดลง ทั้งนี้การตั้งค่า Focus Mode ใน iOS 16 สามารถกดทำได้ง่ายมากด้วยครับ
ใช้โปรแกรม Summary
![batch_ios-15-2-notification-s](https://s.isanook.com/hi/0/ud/313/1568297/batch_ios-15-2-notification-s.jpg)
สำหรับฟีเจอร์ Summary เป็นการรวมการแจ้งเตือนและข่าวสารไว้ที่เดียวทำให้คุณรู้ข้อมูลภายในด้วย ทำให้การแจ้งเตือนทั้งหมดไปอยู่กล่องเดียวส่งผลให้การทำงานของ การแงเตือนเหลือที่เดียวกันเท่านั้น
ปรับการใช้งานเข้าถึงระบบบอกตำแหน่งให้เหมาะกับ Apps ที่จำเป็น
![batch_ios-16-location-service_1](https://s.isanook.com/hi/0/ud/313/1568297/batch_ios-16-location-service_1.jpg)
ฟีเจอร์นี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่นำเสนอมาตั้งแต่ก่อน iOS 16 คือการควบคุมให้ Apps ที่จำเป็นในการบอกพิกัด หรือ Location เพื่อให้เรากำหนดว่ามี Apps ไหนสามารถบอกพิกัดได้หรือจะปิดก็ได้ ดงนั้นการที่จำกัดบาง Apps เท่านั้นเพื่อลดการใช้พลังงาน โดยคุณสามารถเข้าไปตั้งค่าดังนี้
- เข้าไปที่ Setting (ตั้งค่า)
- เลือกไปที่ Privacy หรือ ความเป็นส่วนตัว
- เลือกไปที่ Location Service หรือ บริการหาตำแหน่งและที่ตั้ง
- เครื่องจะปรากฏรายชื่อและสถานะขึ้นมาให้เราเลือกตามที่เหมาะสมเช่น
- ไม่ต้องเปิดเลย (Never)
- ถามครั้งถัดไป หรือ เมื่อฉันแชร์ (Ask Next Time or When I Share)
- ระหว่างใช้แอปส์ (While Using the App)
- เปิดตลอดเวลา (Always)
ยิ่งคุณให้สิทธิ์ข้อนี้กับทุก Apps เป็นแบบตลอดเวลามากเท่าไหร่ก็จะกินพลังงานมากขึ้นด้วย และเสี่ยงต่อความปลอดภัยด้วย
ตั้งค่าจำกัด Apps ในการเข้าถึง Bluetooth
![batch_app-bluetooth-permissio_1](https://s.isanook.com/hi/0/ud/313/1568297/batch_app-bluetooth-permissio_1.jpg)
โดยปกติการเชื่อมต่อ iPhone ผ่าน Bluetooth เป็นเรื่องปกติ แต่ว่าถ้าให้ทำงานทุกโปรแกรมหรือบางโปรแกรมที่ไม่จำเป็นต้องใช้ก็จะส่งผลการกินพลังงานเช่นเดียวกัน แต่เราสามารถตั้งค่าควบคุมสิ่งนี้ได้โดยมีวิธีดังนี้
- เข้าไปที่ Setting (ตั้งค่า)
- เลือกไปที่ Privacy หรือ ความเป็นส่วนตัว
- เลือกไปที่ Bluetooth หรือ บลูทูธ
- จากนั้นกด Apps ที่ไม่ใช้ปิด Bluetooth ให้เป็นสีเทา
ใช้ Low Power Mode
![batch_ios-16-beta-6-battery-p_1](https://s.isanook.com/hi/0/ud/313/1568297/batch_ios-16-beta-6-battery-p_1.jpg)
เรื่องต่อมาคือการเปิด Low Power Mode จะทำให้การใช้พลังงานลดลง โดยการเปิดแล้วบางอย่างจะมีการทำงานแบบมีจำกัดเช่นการแสดงหน้าจอที่ปิดเร็วขึ้น ควบคุม Refresh Rate ที่เหมาะสม และปิดการแสดงผล Effect เช่นเดียวกัน วิธีการเปิดสามารถเลือกได้ทั้ง Control Center หรือจะปล่อยให้แบตเตอรี่เหลือ 20% ก็สามารถเปิดเองได้
ใช้ Wi-Fi และ Airplane Mode
![batch_airplane-mode-ios-16_1](https://s.isanook.com/hi/0/ud/313/1568297/batch_airplane-mode-ios-16_1.jpg)
การใช้งานแต่คลื่น Wi-Fi ถือว่าเหมาะสมสำหรับคนที่ต้องการใช้พลังงานน้อยลง หากกดเปิด AirPlane Mode เวลาอยู่บ้านและต่อ Wi-Fi เวลาอยู่บ้าน ก็จะทำให้เครื่องใช้พลังงานลดลงได้
แต่ว่าการเปิดโหมดแบบนี้ต้องคิดให้ดีเพราะว่าการเชื่อมต่อกับเครือข่ายโทรศัพท์มือถือจะใช้พลังงาน ถ้าคุณไม่จำเป็นต้องใช้คลื่นมือถือการเปิดให้ต่อกับ Wi-Fi ก็เป็นทางเลือกที่ประหยัดไฟได้แน่นอน
หมั่นดูการใช้พลังงานของ Apps ในหน้าแบตเตอรี่
![batch_ios-16-battery-settings_1](https://s.isanook.com/hi/0/ud/313/1568297/batch_ios-16-battery-settings_1.jpg)
ใน iPhone ของคุณจะมีการบอกว่าแต่ละ Apps ที่กินพลังงานเท่าไหร่ซึ่งอยู่ในหน้า ตั้งค่า โดยสามารถแสดงผลได้ตั้งแต่เมื่อ 24 ชั่วโมงที่แล้วหรือเมื่อ 10 วัน ถ้าเกิด Apps ไหนไม่ได้ใช้ก็สามารถกดปิดได้เลย อย่างไรก็ตาม ในหน้านี้จะมีการบอกว่าอะไรที่ทำให้กินไฟก็สามารถตามคำแนะนำเพื่อการใช้พลังงานมีประสิทธิภาพได้
เปิดฟีเจอร์ Limit Background Activity กับบาง Apps
![batch_ios-16-background-app-r_1](https://s.isanook.com/hi/0/ud/313/1568297/batch_ios-16-background-app-r_1.jpg)
ทุกครั้งที่เราเปิด Apps นั้นจะทำให้ Apps กองบนหน้า Background ก็ส่งผลให้เกิดการกินพลังงานได้กดปิดฟีเจอร์ไม่ให้ Apps บางตัวมีการเปลี่ยนแปลงระหว่างในการใช้งานก็ทำให้เครื่องประหยัดไฟได้ วิธีการปรับมีดังนี้
- เข้าไปที่ Setting (ตั้งค่า)
- เลือกไปที่ General (ทั่วไป)
- เลือกไปที่ Background App Refresh (ดึงข้อมูลแอปอยู่เบื้องหลัง)
มาถึงจุดนี้แล้วการเลือกเฉพาะบาง Apps สำคัญ และอย่าลืมดึงเฉพาะเมื่อเชื่อมต่อกับ Wi-Fi เพราะถ้าเชื่อมต่อกับ Cellular
ตั้งค่าเกี่ยวกับ Sync อีเมลของคุณ
![batch_mailfetch_1](https://s.isanook.com/hi/0/ud/313/1568297/batch_mailfetch_1.jpg)
อีกวิธีที่สามารถประหยัดไฟมือถือได้คือการปรับการ Sync อีเมลให้เหมาะสมก็สามารถลดการใช้พลังงานลงได้หรือจะตั้งเป็นแบบ Sync ทุก 15 – 30 นาทีก็เช่นเดียวกัน
อย่างไรก็การใช้งานแบตเตอรี่ของ iPhone จะมากหรือน้อยก็ขึ้นกับการใช้งานของคุณด้วยว่าช่วงเวลาไหนจำเป็นต้อง ควรจะปรับให้เหมาะกับการใช้งานของคุณเพื่อไม่ให้กระทบต่อการใช้มือถือในชีวิตประจำวันจะดีที่สุด