ซัมซุงเปิดตัวต้อนรับสมาชิกใหม่ FE Series ทั้ง Galaxy S23 FE, Galaxy Tab S9 FE ,S9 FE+ และ Galaxy Buds FE

โดยแต่ละรุ่นโดดเด่นด้วยดีไซน์และความทนทานพร้อมทั้งประสิทธิภาพการใช้งานขั้นสูง ความสามารถของกล้องและระบบเสียงที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง และอื่นๆ อีกมากมาย

รุ่นนี้จึงเป็น FE Series ที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยมีมา เหมาะมากสำหรับที่จะเป็นก้าวแรกสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสกับประสบการณ์ของ Galaxy ระดับพรีเมียม และยังไม่พอซัมซุงเปิดตัว Galaxy SmartTag2 ซึ่ง SmartTag ให้การติดตามสิ่งของมีค่าต่างๆ ได้ด้วยวิธีการใหม่ที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม

“ซัมซุงมุ่งมั่นนำเสนอนวัตกรรมระดับโลกให้ทุกคนได้สัมผัสผ่านประสบการณ์บนมือถือที่ยอดเยี่ยมและเข้ากันกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง และ FE Series รุ่นใหม่ของเราอัดแน่นด้วยความสามารถระดับพรีเมียมที่ทุกคนจะชื่นชอบ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้ กาแล็คซี่ได้ปล่อยความคิดสร้างสรรค์และประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างเต็มที่ ทั้งจากตัวของอุปกรณ์เองและยังเป็นส่วนหนึ่งของระบบอีโคซิสเต็มที่เชื่อมต่อถึงกัน”

ทีเอ็ม โรห์ ประธานธุรกิจโมบายล์ เอ็กซีพีเรียนซ์ ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ กล่าว

Galaxy S23 FE: ดีไซน์อันโดดเด่นของ Galaxy S Series กล้องถ่ายภาพระดับโปรและประสิทธิภาพในการเล่นเกมที่ลื่นไหล ออกแบบมาเพื่อยกระดับชีวิตประจำวันของผู้ใช้งาน

gsmarena_001

Galaxy S23 FE ยังคงรักษาการดีไซน์อันโดดเด่นของ S Series ด้วยกล้องแบบลอยตัว (Floating Camera) และผิววัสดุ สุดพรีเมียมที่ได้รับการปกป้องด้วยมาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่นระดับ IP68 เพื่อให้หน้าจอดูทันสมัยยิ่งขึ้น 

อีกทั้งยังใช้วัสดุทั้งในส่วนของตัวเครื่องและบรรจุภัณฑ์ที่มาจากการรีไซเคิล ทำให้ได้ทั้งความทนทานและยังคงความสวยงามที่มาพร้อมกับความยั่งยืน Galaxy S23 FE มากับสีใหม่ที่สดใสช่วยให้ผู้ใช้ได้เลือกสีที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของตัวเองได้

samsung_feseries_3

มาทำให้ทุกช่วงเวลาดีๆ ในชีวิตประจำวันได้กลับมาโลดแล่นอีกครั้งบน Galaxy S23 FE ด้วยฟีเจอร์กล้องระดับมือโปร ที่ช่วยให้เก็บภาพถ่ายและวิดีโอที่น่าประทับใจ เห็นรายละเอียดที่คมชัดด้วยกล้องหลักความละเอียดสูง 50 ล้านพิกเซล ซูมแบบออพติคัล 3 เท่า และซูมแบบดิจิตอลสูงสุด 30 เท่า หรือเมื่อถ่ายท่ามกลางความมืดด้วยฟีเจอร์ Nightography บน Galaxy S23 FE ยังช่วยให้ถ่ายภาพเซลฟี่และภาพบุคคลได้คมชัดสีสันที่สมจริง นอกจากนี้ยังมีระบบลดการสั่นไหวแบบดิจิทัลขั้นสูงสำหรับการถ่ายวีดีโอ (VDIS) และช่วยให้ถ่ายวีดีโอได้นิ่งถึงแม้ว่าจะถ่ายขณะกำลังเดิน หรือใช้กล้องหลังที่มีระบบช่วยลดการสั่นไหวแบบออพติคัล (OIS) ช่วยในการถ่ายวิดีโอต่างๆได้

samsung_feseries_4

เมื่อต้องการสร้างสรรค์คอนเทนต์สุดปังพร้อมให้เพื่อนๆได้แชร์ออกไปได้ชมกัน Galaxy S23 FE ก็ทำหน้าที่เป็นสตูดิโอที่สามารถพกพาได้ ทั้งการควบคุมกล้องในโหมด Pro ช่วยให้เลือกปรับตั้งค่าความไวชัตเตอร์ รูรับแสง ค่า ISO และอื่นๆ ได้เองตามความต้องการ นอกจากนี้ยังถ่ายช็อตสวยๆ ในรูปแบบของตัวเองได้ด้วยแอปฯ Camera Assistantและเลือกได้ว่าจะใช้ฟีเจอร์อัตโนมัติแบบไหนเพื่อประสบการณ์การถ่ายภาพแบบเฉพาะตัวได้อย่างเต็มที่ นอกจากอิสระในการสร้างสรรค์และการปรับแต่งตามความต้องการแล้ว Galaxy S23 FE มีเครื่องมือแก้ไขภาพที่ใช้ระบบ AI มาเพื่อช่วยยกระดับผลงานสร้างสรรค์ได้อีกด้วย

samsung_feseries_5

สำหรับการเล่นเกมและสตรีมมิ่งแล้ว หน่วยประมวลผลที่ทรงพลังของ Galaxy S23 FE ทำให้ทุกความเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างรวดเร็วและนุ่มนวลด้วยระบบระบายความร้อนแบบ Vapor Chamber ที่คอยควบคุมความร้อนและรักษาประสิทธิภาพไว้อย่างต่อเนื่อง

แบตเตอรี่ความจุ 4,500mAh ให้ระยะเวลาการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้น สามารถปรับการทำงาน เพื่อประหยัดพลังงานได้เอง และชาร์จถึงระดับ 50% ได้ในเวลาเพียง 30 นาทีโดยใช้หัวชาร์จ 25 W

ทั้งหมดนี้มาพร้อมการแสดงผลบนหน้าจอ Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.4 นิ้ว ที่ทั้งสว่างและแสดงผลได้อย่างไหลลื่นเหนือระดับ นอกจากนี้ด้วยเทคโนโลยี Vision Booster ใน Galaxy S23 FE ยังตรวจจับสภาพแสงที่สว่างจ้าได้โดยอัตโนมัติ จึงคงความสดใสของหน้าจอได้ตามสภาพแวดล้อมเช่นเดียวกันกับอุปกรณ์ระดับแฟล็กชิพรุ่นต่างๆ

samsung_feseries_6

Galaxy S23 FE Series วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 22,900 บาท ในสีสันโดดเด่นทันสมัย มีให้เลือกถึง 4 สี ได้แก่ Mint, Cream, Graphite และ Purple นอกจากนี้ซัมซุงยังมีสีพิเศษอย่าง Indigo และ Tangerine สำหรับสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ samsung.com เท่านั้น

SHARE
คนเล่าเรื่องไอที ที่เชื่อว่าการได้เดินทางและการพบปะพูดคุยกับผู้คนในสายงานต่าง ที่ไม่คุ้นเคยคือกำไรชีวิต...หลงไหลในการเดินทางเป็นชีวิตจิตใจ ตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อได้เจอเจ้าหน้าที่ ตม.
RELATED POSTS
Apple ตั้งเป้าขาย iPhone 12 ให้ได้ 100 ล้านเครื่องด้วยดีไซน์ใหม่และรองรับ 5G
vivo เปิดตัว “X100 Series” ประกอบไปด้วย “vivo X100” และ “vivo X100 Pro”
Apple อาจเปลี่ยนมาใช้จอ OLED แทน LCD ใน iPad Pro ปี 2024

Leave Your Reply

*