TikTok และ ByteDance บริษัทแม่สัญชาติจีน ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ เพื่อคัดค้านกฎหมายที่อาจนำไปสู่การแบนแอปพลิคเชันยอดนิยมในสหรัฐอเมริกา โดยอ้างว่าเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก
ทนายความของ TikTok และ ByteDance ได้นำเสนอข้อโต้แย้งต่อคณะผู้พิพากษา 3 ท่านจากศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ประจำเขตโคลัมเบีย เป็นเวลา 2 ชั่วโมง โดยมีเป้าหมายเพื่อขอคำสั่งศาลให้ระงับการบังคับใช้กฎหมายที่อาจส่งผลให้แอปพลิเคชันถูกแบนภายในเดือนมกราคม 2025
แอนดรูว์ พินคัส ทนายความของ TikTok และ ByteDance ได้โต้แย้งว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ไม่สามารถแสดงหลักฐานที่ชัดเจนว่า TikTok เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ และย้ำว่ากฎหมายดังกล่าวละเมิดรัฐธรรมนูญในหลายประเด็น โดยเฉพาะบทแก้ไขเพิ่มเติมที่ 1 ซึ่งคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงออก
ในทางตรงกันข้าม แดเนียล เทนนี่ ทนายความจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ยืนยันจุดยืนของรัฐบาลว่า TikTok ภายใต้การเป็นเจ้าของโดยจีนนั้นเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ เนื่องจากการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลจำนวนมหาศาล โดยกล่าวว่า “จีนสามารถแทรกแซงและบิดเบือนข้อมูลที่ชาวอเมริกันบริโภคผ่านแอปพลิเคชันยอดนิยมนี้ได้อย่างแนบเนียน”
กฎหมายที่เป็นประเด็นถกเถียงนี้ผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรสและลงนามโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยกำหนดให้ ByteDance ต้องขายหรือถอนการลงทุนในทรัพย์สินของ TikTok ในสหรัฐฯ ภายในวันที่ 19 มกราคม 2025 มิฉะนั้นจะถูกแบนในประเทศ ความกังวลเกี่ยวกับการเข้าถึงข้อมูลของชาวอเมริกันโดยจีนและความเสี่ยงด้านการจารกรรมเป็นแรงผลักดันหลักของกฎหมายฉบับนี้
ผู้พิพากษาศรี ศรีนิวาสัน ตั้งคำถามว่ากฎหมายนี้แตกต่างจากกฎหมายที่มีอยู่เดิมซึ่งห้ามการเป็นเจ้าของใบอนุญาตกระจายเสียงในสหรัฐฯ โดยต่างชาติอย่างไร ในขณะที่ ผู้พิพากษาเนโอมิ ราโอ แสดงความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการตรวจสอบโค้ดต้นฉบับของ TikTok อย่างถูกต้อง โดยอ้างถึงการประมาณการณ์ว่าอาจต้องใช้เวลาถึง 3 ปีในการตรวจสอบโค้ดต้นฉบับ โดยไม่รวมถึงการอัปเดต
ทั้ง TikTok และกระทรวงยุติธรรมต่างร้องขอให้มีคำตัดสินภายในวันที่ 6 ธันวาคม ซึ่งอาจเปิดโอกาสให้ศาลฎีกาพิจารณาคดีก่อนที่การแบนจะมีผลบังคับใช้
การต่อสู้ทางกฎหมายครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยทั้งโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน และรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต ต่างใช้ TikTok ในการเข้าถึงผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่เป็นคนรุ่นใหม่
ทำเนียบขาวยังคงผลักดันให้ยุติการเป็นเจ้าของ TikTok โดยจีนด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ แต่ไม่ได้เรียกร้องให้มีการแบนอย่างสิ้นเชิง ในขณะที่ทรัมป์ ซึ่งเคยพยายามแบน TikTok ในปี 2020 กล่าวว่าหากได้รับเลือกตั้งอีกครั้ง เขาจะไม่ยอมให้มีการแบนแอปพลิเคชันนี้
การต่อสู้ทางกฎหมายครั้งนี้คาดว่าจะยังคงดำเนินต่อไปในอีกหลายเดือนข้างหน้า และอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อวงการเทคโนโลยีและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
อ้างอิง | Phonearena.com
