iPhone 17 ทุกรุ่นเตรียมมาพร้อมระบบระบายความร้อนแบบ vapor chamber เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการความร้อน
ตามรายงานล่าสุดจากเว็บไซต์ข่าวเทคโนโลยีจีน MyDrivers ที่ระบุว่าจะนำมาใช้ในทั้ง iPhone 17, iPhone 17 Air, iPhone 17 Pro และ iPhone 17 Pro Max ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงปลายปี 2025
เทคโนโลยี vapor chamber หรือระบบระบายความร้อนแบบห้องไอ เป็นนวัตกรรมที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในสมาร์ตโฟน Android ระดับไฮเอนด์ เช่น Samsung Galaxy S24 Ultra และ ASUS ROG Phone 8 โดยทำงานด้วยการกระจายความร้อนให้สม่ำเสมอบนพื้นผิวที่กว้างขึ้น ผ่านการใช้ของเหลวพิเศษที่เปลี่ยนสถานะเป็นไอเมื่อได้รับความร้อน และกลับเป็นของเหลวเมื่อเย็นตัวลง ช่วยป้องกันการลดประสิทธิภาพการทำงานเนื่องจากความร้อน (thermal throttling) และรักษาสมรรถนะการทำงานให้คงที่ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับอุปกรณ์ที่มีดีไซน์บางเฉียบ
แม้ว่าปัญหาความร้อนที่เคยเกิดขึ้นใน iPhone 15 Pro จะได้รับการแก้ไขด้วยโครงสร้างรองอลูมิเนียม แผ่นกราฟีน และกระจกด้านหลังใน iPhone 16 Pro แล้ว แต่รายงานระบุว่าอุปกรณ์ยังคงมีปัญหาเมื่อต้องรับมือกับภาระการทำงานหนัก โดยเฉพาะในการใช้งานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง เช่น การเล่นเกม การประมวลผลวิดีโอ หรือการใช้งานแอปพลิเคชันที่ใช้ AI ซึ่งการนำระบบ vapor chamber มาใช้จะช่วยแก้ปัญหานี้และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานที่ต่อเนื่องได้ดียิ่งขึ้น
ก่อนหน้านี้ มิง-ชี กัว นักวิเคราะห์ผู้เชี่ยวชาญด้าน Apple เคยกล่าวว่า iPhone 17 Pro Max จะมีระบบระบายความร้อนพิเศษที่ผสมผสานระหว่างเทคโนโลยี vapor chamber และแผ่นกราฟีน ซึ่งต่างจากรายงานล่าสุดที่ระบุว่าไอโฟนรุ่นอื่นๆ ที่จะเปิดตัวในปี 2025 จะยังคงใช้เพียงแผ่นกราฟีนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจนำระบบ vapor chamber มาใช้ในไอโฟนทุกรุ่นอาจเป็นการตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพการทำงานที่เสถียรในทุกสถานการณ์
นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่าระบบระบายความร้อนใหม่นี้จะช่วยให้ iPhone 17 สามารถรองรับการชาร์จเร็วที่กำลังไฟฟ้าสูงขึ้นได้ โดยไม่ทำให้อุปกรณ์ร้อนเกินไป รวมถึงช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่และชิ้นส่วนภายในเครื่องได้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากอุณหภูมิที่สูงเกินไปเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ประสิทธิภาพของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เสื่อมถอยลง
ทั้งนี้ Apple ยังไม่ได้ออกมายืนยันข้อมูลดังกล่าวอย่างเป็นทางการ แต่การปรับปรุงระบบระบายความร้อนครั้งใหญ่นี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาสมาร์ตโฟนของบริษัท ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะในยุคที่แอปพลิเคชันและเกมต่างๆ มีความต้องการด้านประสิทธิภาพสูงขึ้นเรื่อยๆ
อ้างอิง | Macrumors.com