ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ “เชื่อมั่นอย่างยิ่ง” ว่า Apple สามารถย้ายฐานการผลิต iPhone และอุปกรณ์อื่นๆ มาสู่สหรัฐอเมริกาได้ ท่ามกลางแผนขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนและประเทศอื่นๆ
วันอังคารที่ 8 เมษายน 2568 แคโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ทรัมป์ เชื่อว่าสหรัฐอเมริกามีแรงงาน บุคลากร และทรัพยากรเพียงพอที่จะผลิต iPhone ภายในประเทศได้ พร้อมกับอ้างอิงถึงการลงทุนมูลค่า 5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ของ Apple ในสหรัฐอเมริกาเมื่อต้นปีนี้ โดยเธอกล่าวว่า “หาก Apple ไม่เชื่อว่าสหรัฐอเมริกาทำได้ พวกเขาคงไม่ทุ่มเงินก้อนใหญ่ขนาดนั้น”
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ มีแผนจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตราสูงจากประเทศจีน เวียดนาม ไทย อินเดีย สหภาพยุโรป และประเทศอื่นๆ เริ่มตั้งแต่วันที่ 9 เมษายนนี้ พร้อมระบุว่าหากบริษัทอย่าง Apple ไม่ต้องการจ่ายภาษี พวกเขาควรย้ายฐานการผลิตมายังสหรัฐอเมริกา
อย่างไรก็ตาม แม้ ทรัมป์ จะแนะนำว่า Apple สามารถย้ายห่วงโซ่อุปทานอันซับซ้อนมายังสหรัฐฯ ได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายมหาศาลในการดำเนินการดังกล่าว ยังไม่น่าเป็นไปได้ที่ Apple และซัพพลายเออร์จะสามารถหาบุคลากรที่มีทักษะจำเป็นได้เพียงพอในสหรัฐอเมริกา
ในปี 2560 ทิม คุก ซีอีโอของ Apple เคยให้ความเห็นเกี่ยวกับการผลิตในจีนว่า การที่ iPhone ถูกประกอบในจีนไม่ใช่เพราะค่าแรงถูก แต่เป็นเพราะจีนมีความเชี่ยวชาญในการผลิตขั้นสูง โดยเขากล่าวว่า:
“มีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับจีน ความเข้าใจทั่วไปคือบริษัทต่างๆ ไปจีนเพราะค่าแรงต่ำ แต่ความจริงแล้วจีนไม่ใช่ประเทศที่มีค่าแรงต่ำมาหลายปีแล้ว เหตุผลคือทักษะ ปริมาณของทักษะในหนึ่งพื้นที่ และประเภทของทักษะนั้น ผลิตภัณฑ์ของเราต้องการเครื่องมือขั้นสูงและความแม่นยำในการทำงานกับวัสดุต่างๆ ทักษะด้านเครื่องมือในจีนนั้นลึกซึ้งมาก ในสหรัฐฯ หากคุณจัดประชุมวิศวกรเครื่องมือ ผมไม่แน่ใจว่าเราจะหาคนได้เต็มห้อง แต่ในจีน คุณสามารถหาได้เต็มหลายๆ สนามฟุตบอล ความเชี่ยวชาญด้านวิชาชีพนั้นลึกซึ้งมาก”
ล่าสุด ฮาวเวิร์ด ลัตนิค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ได้กล่าวเกี่ยวกับการผลิต iPhone ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า “กองทัพคนนับล้านๆ คนที่ขันสกรูเล็กๆ เพื่อผลิต iPhone จะย้ายมาอเมริกา” ซึ่งแสดงให้เห็นว่าทั้งเขาและ ทรัมป์ อาจไม่เข้าใจการดำเนินงานของ Apple
ตามข้อมูลจากรายงานซัพพลายเออร์ของ Apple ซึ่งระบุกว่า 50 ประเทศที่บริษัทได้รับชิ้นส่วนจากทั่วโลก และยังไม่นับรวมแร่หายากที่มาจาก 79 ประเทศ ซึ่งไม่สามารถขุดในสหรัฐฯ ได้ Apple ไม่สามารถหลีกเลี่ยงภาษีด้วยการ “ผลิต” ในสหรัฐฯ เพราะไม่มีวิธีใดที่เป็นไปได้ที่จะทำให้ชิ้นส่วนทั้งหมดของ iPhone ผลิตในประเทศเดียว แม้แต่การประกอบอุปกรณ์เท่านั้น หากสหรัฐฯ มีพนักงานที่มีทักษะตามที่ต้องการ (ซึ่งไม่มี) ค่าครองชีพและค่าจ้างในสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ จะทำให้ราคาของ iPhone ที่ผลิตในสหรัฐฯ สูงขึ้นอย่างมหาศาล
Apple ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับภาษีนำเข้า แต่บริษัทได้สำรอง iPhone ไว้และวางแผนที่จะพึ่งพาการนำเข้าจากอินเดีย ซึ่งมีภาษีต่ำกว่า เพื่อชดเชยต้นทุนบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าอุปกรณ์จากจีน
เป็นความจริงที่ Apple ประกาศลงทุน 5 แสนล้านดอลลาร์ในสหรัฐอเมริกา แต่ Apple จะผลิตเซิร์ฟเวอร์สำหรับระบบ Private Cloud Compute ไม่ใช่ iPhone ซึ่งเซิร์ฟเวอร์เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความต้องการต่ำและไม่ได้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ขายให้ลูกค้าทั่วไป
เมื่อครั้งที่ Apple ผลิต Mac Pro ในรัฐเท็กซัสในช่วงที่ ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งสมัยแรก ถือเป็นความล้มเหลวอย่างมาก Apple ประสบปัญหาในการหาซัพพลายเออร์ในท้องถิ่น การนำเข้าชิ้นส่วนมายังเท็กซัสทำให้เกิดความล่าช้าและค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด และ Apple มีปัญหาในการหาคนงานที่มีทักษะตามที่ต้องการ
จนถึงเมื่อวานนี้ ทรัมป์ วางแผนที่จะเก็บภาษีนำเข้าจากจีนที่ 54 เปอร์เซ็นต์ แต่วันนี้เขาเพิ่มขึ้นอีก 50 เปอร์เซ็นต์ เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้ สินค้าที่นำเข้าจากจีนจะต้องเสียภาษี 104 เปอร์เซ็นต์
อ้างอิง | Macrumors.com
