หลังจากพัฒนามาหลายปี Apple ได้เปิดตัว C1 โมเด็มเซลลูลาร์ที่ออกแบบและผลิตเองเป็นครั้งแรก แทนที่ชิปจาก Qualcomm ที่เคยใช้สำหรับการเชื่อมต่อ 5G ในไอโฟน Apple นับเป็นอีกก้าวสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีซิลิคอนของตัวเองอย่างต่อเนื่อง โดยชิป C1 นี้จะเปิดตัวครั้งแรกใน iPhone 16e รุ่นเริ่มต้นล่าสุดที่มาแทนที่ไลน์ iPhone SE ซึ่งเป็นรุ่นประหยัดของ Apple เมื่อก่อนหน้านี้ โดยทาง Apple ระบุว่า C1 นี้เป็นโมเด็มที่ประหยัดพลังงานมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาในไอโฟน “การขยายประโยชน์ของ Apple Silicon ทำให้ C1 เป็นโมเด็มรุ่นแรกที่ออกแบบโดย Apple และเป็นโมเด็มที่ประหยัดพลังงานมากที่สุดบนไอโฟน มอบการเชื่อมต่อเซลลูลาร์ 5G ที่รวดเร็วและเสถียร ซิลิคอนของ Apple รวมถึง C1 การออกแบบภายในใหม่ทั้งหมด และการจัดการพลังงานขั้นสูงของ iOS 18 ทั้งหมดนี้มีส่วนช่วยให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานที่ยาวนานอย่างไม่น่าเชื่อ” ตามที่ Apple กล่าวไว้ หลายคนอาจสงสัยว่าทำไม Apple ถึงต้องการแทนที่ Qualcomm ด้วยเทคโนโลยีโมเด็มของตัวเอง ค่าลิขสิทธิ์น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด แต่คำตอบยังอยู่ในคำอธิบายข้างต้นด้วย: “โมเด็มที่ประหยัดพลังงานมากที่สุดบนไอโฟน” ซึ่งเป็นจุดเด่นสำคัญที่ Apple ต้องการนำเสนอ “การเชื่อมต่อ 5G ที่รวดเร็วและเสถียร” จะเป็นการทดสอบที่สำคัญที่สุดสำหรับโมเด็ม C1 ของ Apple หลายปีก่อน Apple เคยใช้โมเด็มทั้งจาก Intel และ Qualcomm ในไอโฟนรุ่นเดียวกัน แต่ผู้ใช้ส่วนใหญ่ชื่นชอบ Qualcomm มากกว่า และ Intel ก็ได้ขายธุรกิจโมเด็มให้กับ Apple ในเวลาต่อมา เทคโนโลยีโมเด็ม 5G เป็นส่วนประกอบสำคัญในสมาร์ทโฟนยุคปัจจุบัน โดยทำหน้าที่รับส่งสัญญาณระหว่างอุปกรณ์กับเครือข่ายเซลลูลาร์ ซึ่งมีผลโดยตรงต่อความเร็วในการรับส่งข้อมูล ความเสถียรของการเชื่อมต่อ และการใช้พลังงานของอุปกรณ์ การที่ Apple พัฒนาชิปโมเด็มเองได้จะช่วยให้บริษัทสามารถควบคุมประสิทธิภาพและการทำงานร่วมกับชิ้นส่วนอื่นๆ ในอุปกรณ์ได้ดียิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ Apple จึงทดสอบโมเด็ม C1 ในไอโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด แต่ไม่ใช่ในรุ่นเรือธงของตน iPhone 16 และ iPhone 16 Pro ยังคงใช้ชิปจาก Qualcomm ในตอนนี้ คำถามที่น่าสนใจคือ สถานการณ์นี้จะเปลี่ยนแปลงไปกับไลน์ iPhone 17 หรือไม่ หรือ Apple จะใช้เวลาอีกหนึ่งปีเพื่อประเมินประสิทธิภาพของ C1 ในโลกความเป็นจริงก่อน…