Hands On l “OnePlus 7T” สมาร์ทโฟนสเปกแรง ดีไซน์หรูหราเล่นเกมลื่นไหลไม่มีสะดุด

Techhaus / October 27, 2019 / No Comment

การเลือกซื้อสมาร์ทโฟนแต่ละรุ่นคงขึ้นอยู่กับการใช้งาน และความเหมาะสมในด้านต่างๆ รวมถึงราคาที่เป็นหนึ่งปัจจัยในการเลือกซื้อ แต่ถ้าหากว่าสมาร์ทโฟนเหล่านั้นมาพร้อมกับดีไซน์ที่หรูหราก็ถือเป็นกำไรครับ

OnePlus 7T, OnePlus 7T Pro

ล่าสุดเป็นคิวของวันพลัส (OnePlus) ที่ได้ได้ฤกษ์เปิดตัวสมาร์ทโฟนซูเปอร์แฟล็กชิพรุ่นใหม่ล่าสุดรุ่นใหม่ล่าสุดอย่างเป็นทางการ เริ่มกันด้วย OnePlus 7T สมาร์ทโฟนที่มาพร้อมความหรูหราสเปกเรียกว่าไม่ธรรมดา และแน่นอนว่าในงานเปิดตัวนอกจาก OnePlus 7T ที่เปิดตัวแล้วเรายังมีอีก 2 รุ่นเปิดตัวด้วยนั้นคือ OnePlus 7T Pro รวมไปถึงรุ่นพิเศษ OnePlus 7T Pro McLaren Edition ก็พาเหรดเปิดตัวให้ได้จับจองเป็นเจ้าของด้วยเช่นกันครับ

สเปก OnePlus 7T

หน้าจอแสดงผล Fluid AMOLED กว้าง 6.5 นิ้ว ความละเอียด 2340 x 1080 พิกเซล refresh rate 90Hz
หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 855+ Octa-core
RAM 8GB, ROM 128
ระบบปฎิบัติการ OxygenOS 10 based on Android 10
กล้องหลัง 3 เลนส์ ประกอบด้วย
เลนส์หลักเซ็นเซอร์ Sony IMX586 ความละเอียด 48MP รูรับแสง f/1.6
เลนส์ Telephoto 12MP ใช้งาน Optical Zoom 2 เท่า
เลนส์ Ultrawide ความละเอียด 16MP มุมกว้าง 117 องศา
กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล
แบตเตอรี่ 3800 mAh รองรับชาร์จเร็ว Warp Charge 30T
สี Glacier Blue และ Frosted Silver

รูปลักษณ์ภายนอกและการออกแบบดีไซน์ของ OnePlus 7T

OnePlus 7T Series ทุกรุ่นใช้หน้าจอ Fluid Display ที่มีค่ารีเฟรชเรท 90 Hz รวมไปถึงรุ่น OnePlus 7T ด้วยเช่นกันครับ

OnePlus 7T มาพร้อมหน้าจอกว้างถึง 6.55 นิ้ว ดีไซน์หน้าจอทรงหยดน้ำ และค่าแสดงผลภาพหน้าจอรีเฟรชเรท 90 Hz ความละเอียด Full HD+ ครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass ตัวเครื่องของ OnePlus 7T มีขนาด 160.9 x 74.4 x 8.1 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 190 กรัม

ต่อกันที่ตัวเครื่องด้านหน้าส่วนบนเหนือหน้าจอแสดงผล มีลำโพงเสียงขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง เป็นได้ทั้งลำโพงสำหรับการสนทนา และลำโพงเสียง รวมไปถึงกล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ซ่อนอยู่ตรงหน้าจอแบบหยดน้ำ

ด้านล่างหน้าจอไม่มีปุ่มใดๆ มาให้ครับ

ด้านบนของตัวเครื่องติดตั้งไมโครโฟนตัวที่ 2 สำหรับตัดเสียงรบกวนเอาไว้เท่านั้น ซึ่งหากเป็นในรุ่น OnePlus 7T Pro รุ่นพี่ด้านบนจะเป็นตำแหน่งของ กล้องป็อปอัพ เพิ่มเข้ามาอีก 1 อย่างครับ

ด้านล่างตัวเครื่องประกอบไปด้วยลำโพงเสียงตัวหลักของตัวเครื่อง, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C , ไมโครโฟนสำหรับสนทนา และช่องใส่ซิมการ์ด

มาดูในส่วนของตัวเครื่องด้านขวากันต่อครับ สำหรับด้านขวาในรุ่นนี้จะเป็นตำแหน่งที่วางของปุ่ม Power สำหรับล็อกหน้าจอ หรือเปิด-ปิด เครื่อง และ ปุ่ม Alert Slider สำหรับเปิดโหมดเสียงเรียกเข้าเป็นสั่นหรือมีเสียง

ต่อกันที่ตัวเครื่องด้านซ้ายจะเป็นตำแหน่งของปุ่มเพิ่มเสียง และลดเสียง ซึ่งดีไซต์ออกมาแบบยาวๆ เป็นเส้นเดียว

มาดูต่อกันที่ตัวเครื่องด้านหลังจะพบกับกล้องหลังเรียงกันเป็นวงกลม 3 เลนส์ แบบ Triple Camera ในกรอบวงกลมที่มีเลนส์กล้อง 3 ตัวเรียงกันอยู่ในแนวนอนจากซ้ายไปขวา

เลนส์หลักความละเอียดชัด 48 ล้านพิกเซล เลนส์ Telephoto ความละเอียดชัด 12 ล้านพิกเซล เลนส์ Ultra Wide Angle ความละเอียดชัด 16 ล้านพิกเซล ให้คุณบันทึกทุกโมเมนต์ ทุกสภาวะแสงได้อย่างสวยสมจริงเหมือนตาเห็น พร้อมกล้องหน้าชัด 16 ล้านพิกเซล

นอกจากนั้นยังมีไฟแฟลช LED และโลโก้ OnePlus ที่ด้านหลังตัวเครื่อง

ความแตกต่างของกล้องหน้าระหว่าง OnePlus 7T และ OnePlus 7T Pro

ความจุแบตเตอรี่อึดถึง 3,800 mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จไวอย่าง Warp Charge 30T ชาร์จ 30 นาที ได้แบตเตอรี่ 70 เปอร์เซ็นต์

OnePlus 7T จึงเหมาะกับผู้ใช้ที่มองหาสมาร์ทโฟน สเปกเร็วแรง เล่นเกมลื่นไหลไม่มีสะดุด และผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพแบบมืออาชีพ พร้อมให้ชีวิตของคุณสมูทมากยิ่งขึ้น มีดีไซน์ให้เลือกถึง 2 สีด้วยกันอย่าง Frosted Silver และ Glacier Blue และวางจำหน่ายในรุ่น 8GB / 128GB : ราคา 17,990 บาท (วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2562)

ส่วนใครที่อยากอ่านรีวิวฉบับเต็มรออีกหน่อยนะครับ ตอนนี้เรากำลังต่อคิวรอเครื่องมารีวิวให้คุณได้อ่านกันอยู่!

แถมด้วยภาพของ OnePlus 7T Pro McLaren Limited Edition ในมุมต่างๆ กันหน่อยครับ

เป็นอีกโมเดลรุ่นพิเศษครับสำหรับ OnePlus 7T Pro McLaren edition ที่เป็นการร่วมมือกันระหว่าง OnePlus และ McLaren ความแตกต่างสำคัญคือการดีไซน์ของรอบตัวเครื่องที่มีความคลาสสิค และเฉดสี Papaya Orange ที่เป็นเอกลักษณ์ ทั้งธีม, ไอคอน และวอลเปเปอร์ก็ยังเป็นสไตล์รถแข่งให้กลิ่นอายความรู้สึกราวกับคุณกำลังนั่งรถ F1 ในด้านการอัพเกรดดูเหมือนว่าจะมีเฉพาะซอฟต์แวร์การถ่ายภาพของ Nightscape 2.0 ได้นำ Google Lens เข้าไปเป็นหนึ่งในฟีเจอร์นี้ด้วย ส่วนสเปกอื่นๆ ยังเหมือนเดิม