เปิดตัวให้สื่อได้ลองเล่นและสัมผัสกันอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับ OPPO R17 Pro มือถือรุ่นล่าสุดจากตระกูล R Series และแน่นอนว่าของใหม่สวยมากๆ เพราะมันมาพร้อมกับบอดี้ไล่เฉดสีแบบใหม่ 2 สีในเครื่องเดียว
>>> พร้อมเปิดจอง! โปรโมชั่นสุดพิเศษจาก AIS จอง OPPO R17 Pro รับส่วนลดสูงสุด 15,000 บาท
OPPO R17 Pro
เปิดตัว “OPPO R17” ที่มาพร้อมกับชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 710 ครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมสัมผัสประสบการณ์จริงได้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป
…เชื่อยังว่าเด็ดขนาดไหน?
สรุปสเปค OPPO R17 Pro
-ตัวเครื่องขนาด 157.6 × 74.6 × 7.9 มิลลิเมตร
-หนัก 183 กรัม
-หน้าจอ AMOLED 6.4 นิ้ว ความละเอียด FullHD+ อัตราส่วน 19.5:9
-ชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 710
-Qualcomm® Kryo™ 360 CPU (ชิปประมวลผลงานที่เน้นประสิทธิภาพ)
-Qualcomm Spectra™ 250 ISP (การประมวลผลสัญญาณภาพ)
-Qualcomm® Hexagon™ 685 DSP (ชิปประมวลผลสัญญาณดิจิทัล)
-โมเด็ม X15 LTE
-เทคโนโลยีใหม่ TOF
-แรม 8GB
-ความจุ 128GB
-กล้องหน้า 25 ล้านพิกเซล f/2.0
-กล้องหลัง 3 ตัว 12 ล้านพิกเซล + 20 ล้านพิกเซล + TOF 3D Camera
-ค่ารูรับแสง f/1.5, f/2.4 + f/2.6
-รองรับระบบสแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ
-การเชื่อมต่อ : USB Type-C
-รองรับระบบปลดล็อคด้วยใบหน้า
-รองรับ 2 ซิม (4G ได้ทั้ง 2 ซิม)
-รองรับระบบชาร์จไว SuperVOOC ชาร์จเร็ว 10 นาที แบตฯ เพิ่มขึ้น 40%
-รองรับการสแกนใบหน้า
-รองรับระบบสแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ
-แบตเตอรี่ 3,700mAh
-รัน Android 8.1 Oreo ครอบด้วย ColorOS5.2
-2 สี ได้แก่ สีฟ้า Radiant Mist และ สีเขียว Emerald Green
-ราคา 24,990 บาท
และนี้คือช่วงเวลาแห่งการรอค่อย การได้จับเครื่องของจริง
OPPO R17 Pro มาพร้อมขนาดหน้าจอใหญ่ถึง กว้าง 6.4 นิ้ว(AMOLED) ความละเอียด 2340×1080 พิกเซล กระจก Gorilla Glass 6 พร้อมดีไซน์ไล่เฉด Radiant Mist Gradient
ด้วยดีไซน์แบบ Water Drop Screen หรือที่เรียกว่ารอยบากทรงหยดน้ำ ให้มีพื้นที่ใช้งานมากกว่า 91.5% บนหน้าจออัตราส่วน 19.5:9 พิกเซลคือเต็มจอสะใจ แถมกระจกยังเป็น Gorilla Glass 6 ซึ่งมีความทนทานกว่า Gorilla Glass 5 ถึงสองเท่า
ด้านบนจะเป็นส่วนของรอยบากทรงหยดน้ำ(Water Drop Screen) เหมือน F9 ต่อมาจะเป็นพื้นที่ของตำแหน่งกล้องหน้าความละเอียดสูงสุด 25 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงกว้างที่ f/2.0 ที่มีเทคโนโลยี AI Beauty และหากเรามองดีๆ จะเห็นว่าขอบดำๆ ด้านบนของกล้องจะเป็นตำแหน่งของลำโพงสนทนาที่หากมองผ่านๆ จะไม่เห็นเลยและเซ็นเซอร์วัดแสง
ด้านล่างของหน้าจอจะมีแถบสีดำเล็กน้อยถัดขึ้นไปเป็นตำแหน่งของปุ่มควบคุมการทำงานจะอยู่บนหน้าจอ โดยจะมีปุ่มเมนู ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ และระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ Hidden Fingerprint เมื่อต้องการปลดล็อค
ขอบด้านบนเป็นรูไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวนครับ
ขอบด้านล่างด้านล่างของเครื่องก็เป็นตำแหน่งของช่องลำโพงเสียง, ไมโครโฟนตัวที่ 2 สำหรับตัดเสียงรบกวน พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type C และช่องใส่ซิมการ์ดแบบ nano 2 ช่อง(ถาดซิมเป็นแบบ 2 Slot หน้า–หลังเลือกใส่ได้เลยรองรับ 4G ทั้ง 2 Slot) และเส้นใสๆ ที่เราเห็นเป็นเส้นเสารับสัญญาณ
ขอบด้านซ้ายเป็นตำแหน่งของปุ่มเพิ่ม-ลด ปรับระดับเสียง
ขอบด้านขวาเป็นตำแหน่งของปุ่มเพาเวอร์เปิด-ปิดเครื่องหรือล็อกหน้าจอ
ภาพตัวเครื่องรอบข้างของ OPPO R17 Pro
ตัวเครื่องด้านหลังหลังของ OPPO R17 Pro มาพร้อมกระจก Gorilla Glass 6 พร้อมดีไซน์ไล่เฉด Radiant Mist Gradient หากเราลองขยับเล่นให้ตัวเครื่องเล่นกับแสงไฟจะเห็นเป็น รูปตัว S
กล้องหลัง 3 (AI Ultra Clear Camera, Triple Lens) ที่มาพร้อมความละเอียด (12MP +20 MP+TOF) สุดล้ำกับเทคโนโลยี TOF 3D Camera วิวัฒนาการจากภาพ 2 มิติสู่ 3 มิติ OPPO R17 Pro รุ่นนี้มาพร้อมสโลแกน “Seize the night” ที่มีโหมดถ่ายภาพกลางคืนสวย หรือ Ultra Night Mode
กล้องเรียงกัน 3 เลนส์ในแนวตั้ง และอยู่ตรงกลาง โดยเริ่มจากเลนส์บนสุดเป็น TOF เลนส์ใหม่ ช่วยในเครื่องของการถ่ายรูป 3 มิติ ถัดลงตรงกลางเป็นเลนส์ 12 ล้านพิกเซล และสุดท้ายเป็นเลนส์ 20 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง (f/1.5, f/2.4) และสุดท้ายเป็นไฟแฟลช LED มีโหมดถ่ายรูปให้ใช้งานหลากหลายทั้ง Night Mode, ถ่ายภาพ 3 มิติ, หน้าสวย A.I. Beauty Mode เป็นต้น
ตัวอย่างภาพจาก OPPO R17 ถ่ายในสภาวะแสงน้อยด้วยโหมด Ultra Night Mode โหมดถ่ายภาพกลางคืน
มาพร้อม SuperVOOC ชาร์จไวที่สุดในโลก
Super VOOC Flash charge ของ OPPO R17 Pro มาพร้อมกับแบตเตอรี่ 3700 mAh แบบคู่ ขนาด 1850 mAh 2 เซลล์ เพื่อการชาร์จไฟ 50 วัตต์ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ได้อย่างยอดเยี่ยม สามารถชาตร์ไฟได้มากกว่าถึง 40% ในเวลาเพียง 10 นาทีและด้วยระบบความปลอดภัย 5 ขั้นทำให้สามารถทำงานได้อย่างปลอดภัยด้วยความเร็วสูงสุด
ด้วยฟีเจอร์ระดับพรีเมียมของ Snapdragon 710 จะช่วยยกระดับประสบการณ์การใช้โทรศัพท์มือถือและช่วยจัดการกับสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ยังรองรับกล้องถ่ายรูประดับไฮเอนด์ ไปจนถึงการประมวลผล AI แบบความเร็วสูง และช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้ยาวนานขึ้น
ชิปเซ็ตรุ่นใหม่นี้ช่วยให้กล้องประมวลผลภาพในสภาพที่แสงน้อยดียิ่งขึ้น ลดจุดรบกวนบนภาพ ออโต้โฟกัสที่รวดเร็ว ระบบป้องกันภาพสั่นไหว การซูมแบบไม่กระตุก และการสร้างเอฟเฟกต์พื้นหลังแบบเรียลไทม์ ชิป Snapdragon 710 มาพร้อมกับฟีเจอร์ Qualcomm® AI Engine แบบ multi-core ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพการทำงานหน่วยประมวลผล
ให้ผู้ใช้งานสามารถถ่ายและแชร์ภาพหรือวิดีโอแบบ contextually-aware ได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ยังเสริมการทำงานด้วยฟังก์ชั่นปรับแต่งเสียงและคำพูดเพื่อการโต้ตอบที่เป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น เชื่อมต่อได้เร็วขึ้นด้วยโมเด็ม Snapdragon X15 LTE ที่อยู่ในชิป Snapdragon 710 มีความเร็วในการดาวน์โหลดที่ 800 Mbps และอัพโหลดที่ 150 Mbps
นอกจากนี้เพิ่มประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงานให้ดียิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับชิป Snapdragon 660 ลดการใช้พลังงานในขณะเล่นเกมและการเล่นวิดีโอ HDR 4K ลงถึง 40% และลดการใช้พลังงานได้ถึง 20% เมื่อทำการสตรีมมิ่งวิดีโอ
สรุปโดยรวมชิป Snapdragon 710 เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ CPU ได้ถึง 20% ประสิทธิภาพ GPU ได้ถึง 35% รวมถึงความเร็วในการเปิดตัวแอพพลิเคชันที่เพิ่มขึ้นถึง 15% ความสามารถในด้าน AI ที่เพิ่มขึ้นกว่าเดิมถึง 2 เท่า และลดการใช้พลังงานโดยรวมลงถึง 30% เมื่อเทียบกับชิป Snapdragon 660
สรุปความประทับใจของผู้เขียน
เรื่องแรกคงหนีไม่พ้นการดีไซน์ภายนอกที่นอกจากจะสวยสะดุดตา ยังมาพร้อม 2 สีใหม่อย่าง Radiant Mist สีไล่เฉดระหว่างฟ้า-ม่วง และ Emerald Green สีเขียวมรกต ที่ทำได้ดีและสวยมากๆ ยิ่ง Radiant Mist สีไล่เฉดระหว่างฟ้า-ม่วง สวยสุดๆ เครื่องจะสวยมากตอนเล่นกับแสงไฟยามค่ำคืน…
ฟังก์ชั่นด้านในยังโดดเด่นด้วย กล้องหน้าความละเอียดสูงสุด 25 ล้านพิกเซล เหนือระดับด้วยกล้องหลังเลนส์ 3 ตัว (12ล้านพิกเซล +20 ล้านพิกเซล+TOF)
หมายเหตุ: TOF ย่อมาจาก Time Of Flight คือเทคโนโลยี TOF 3D Camera ที่จะถูกนำมาใช้ในสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ แต่ใน R17 Pro เขามีมาให้เราแล้วแบบไม่ต้องรอ และในรุ่นใหม่จะมี Hidden Fingerprint Unlock เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนจอแล้วด้วย
ส่วนเรื่องของกล้องนั้นถือว่าถ่ายภาพกลางคืนได้ออกมาใช้ได้พอสมควร(หากมองในมือถือเรียกได้ว่าภาพถ่ายสวยมากๆ แต่เมื่อนำลงคอมอาจจะมีดร็อปลงนิดหน่อย แต่ถือว่าไม่น่าเกลียด
และที่สำคัญมันยังมาพร้อมกับ สแกนนิ้วบนหน้าจอ (Hidden Fingerprint) ที่ทำงานได้เร็วสามารถปลดลอค R ได้เพียงปลายนิวสัมผัสด้วย เซ็นเซอร์ลายนิ้วมือที่ซ่อนอยู่ใต้หน้าจอ และมั่นใจได้ว่าการปลดล็อคจะถูกและแม่นยำ
อย่างที่เกริ่นกันไปแล้วข้างต้นว่าพรีวิวตัวนี้เป็นเพียงการได้สัมผัสเครื่องในระยะเวลาค่อนข้างเร็วและมีเวลาไม่มาก ดังนั้นการพรีวิวที่ออกมาจึงยังไม่ละเอียดมากนักเพราะทำได้ในช่วงเวลาสั้นๆ คงต้องรอให้เราได้เครื่อง OPPO R17 Pro มารีวิวอย่างจริงจัง คงจะได้ลงลึกเรืองอื่นๆ ได้มากกว่านี้
และสามารถเป็นเจ้าของ OPPO R17 Pro ได้ด้วยราคา 24,990 บาท มีให้เลือก 2 สีคือ Radiant Mist และ Emerald Green พร้อมเปิดให้จองอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 17 – 30 พ.ย.นี้ และสำหรับเพื่อนๆที่สั่งจองล่วงหน้าจะได้รับของแถมเป็นขาตั้งกล้องและ VIP Card (ประกันจอแตกฟรีภายใน 1 ปี) มูลค่ากว่า 9,200 บาท
และสามารถซื้อได้ในราคาพิเศษด้วยโปรโมชั่นกับโอเปอเรเตอร์เริ่มต้นเพียง 9,990 บาท