TikTok กลับมาให้บริการได้อีกครั้งในสหรัฐอเมริกาหลังจากถูกระงับการใช้งานไปไม่ถึง 24 ชั่วโมง โดยแอปพลิเคชันได้แจ้งผ่านข้อความในระบบว่าการกลับมาใช้งานได้นี้เป็นผลมาจากความพยายามของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่จะเข้ามาแก้ไขสถานการณ์อย่างเร่งด่วน
แอปเปิล (Apple) ได้ถอดแอปพลิเคชัน TikTok ออกจาก App Store สำหรับผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกา เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 18 มกราคม เวลา 20:38 น. ตามเวลาแปซิฟิก ส่งผลให้ผู้ใช้ iPhone และ iPad ในประเทศไม่สามารถดาวน์โหลดแอปใหม่หรือใช้งานแอปที่ติดตั้งไว้แล้วได้ ขณะที่ผู้ใช้งานในประเทศอื่นๆ ยังคงสามารถใช้งานได้ตามปกติ
ศาลสูงสหรัฐอเมริกาประกาศคำตัดสินยืนยันการบังคับใช้กฎหมายแบนแอปพลิเคชัน TikTok ในวันที่ 19 มกราคมนี้ ส่งผลให้ Apple และผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลต้องถอดแอปออกจากสโตร์ และห้ามให้บริการในสหรัฐฯ เว้นแต่ ByteDance จะยอมขายกิจการในสหรัฐฯ ให้บริษัทท้องถิ่น ท่ามกลางความกังวลด้านความมั่นคงและการจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้งาน ภายหลังจากที่รัฐสภาสหรัฐฯ ผ่านกฎหมาย Protecting Americans from Foreign Adversary Controlled Applications Act (การปกป้องชาวอเมริกันจากแอปพลิเคชันที่ควบคุมโดยคู่แข่งต่างชาติ) เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok ได้รับเวลา 9 เดือนในการขายกิจการให้กับบริษัทสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม บริษัทเลือกที่จะอุทธรณ์คำตัดสิน โดยอ้างว่ากฎหมายดังกล่าวละเมิดสิทธิตามรัฐธรรมนูญฉบับที่ 1 ว่าด้วยเสรีภาพในการแสดงออก แต่ศาลสูงยืนยันว่าในฐานะบริษัทจีน ByteDance ไม่มีสิทธิ์อ้างการคุ้มครองดังกล่าว ByteDance ยังคงยืนยันว่าการแยกระบบ TikTok ออกจากบริษัทแม่เป็นไปไม่ได้ในทางเทคนิค เนื่องจากความซับซ้อนของโค้ดและการเชื่อมโยงกับเครื่องมือซอฟต์แวร์ของบริษัท อีกทั้งไม่ต้องการส่งมอบอัลกอริธึมอันเป็นความลับทางการค้า ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการแนะนำคอนเทนต์ให้ผู้ใช้งาน ขณะที่รัฐบาลจีนก็คัดค้านการขายกิจการ โดยมองว่าเป็นการบีบบังคับทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม ชู เฉิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า การกระทำของสหรัฐฯ เป็นการละเมิดหลักการค้าเสรีและการแข่งขันที่เป็นธรรม พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ ยุติการกลั่นแกล้งบริษัทต่างชาติ และสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการลงทุนระหว่างประเทศ ด้าน โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับ CNN ว่าการตัดสินใจขึ้นอยู่กับเขา และอาจพิจารณาใช้อำนาจบริหารเพื่อชะลอการแบนแอปพลิเคชันที่มีผู้ใช้งานกว่า 170 ล้านคนในสหรัฐฯ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใช้แพลตฟอร์มนี้ในการแสดงออกและสร้างรายได้ มาร์ค วอร์เนอร์ ประธานคณะกรรมการข่าวกรองวุฒิสภาสหรัฐฯ ย้ำว่า การตัดสินใจครั้งนี้ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ผู้ใช้งาน แต่เป็นความพยายามในการปกป้องความมั่นคงของชาติ เนื่องจากมีหลักฐานว่า ByteDance มีความเชื่อมโยงกับรัฐบาลจีน และอาจถูกบังคับให้ส่งข้อมูลผู้ใช้งานชาวอเมริกันตามกฎหมายความมั่นคงของจีน ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงไซเบอร์คาดการณ์ว่า หาก TikTok ถูกแบนจริง จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจดิจิทัลของสหรัฐฯ อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมการตลาดออนไลน์และเศรษฐกิจครีเอเตอร์ที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ต่อปี อ้างอิง | Macrumors.com
การแบนแอปพลิเคชัน TikTok ในสหรัฐอเมริกามีความเป็นไปได้สูง หลังจากศาลสูงสหรัฐฯ แสดงท่าทีสนับสนุนกฎหมายที่บังคับให้ ByteDance ต้องขายหรือยุติการให้บริการแพลตฟอร์มในประเทศ ท่ามกลางความกังวลด้านความมั่นคงและการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชน
แอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียยอดนิยม TikTok กำลังเผชิญกับการถูกแบนในสหรัฐอเมริกา หลังจากที่ ศาลอุทธรณ์เขตโคลัมเบีย ยืนยันคำตัดสินที่บังคับให้ ByteDance บริษัทแม่จากจีนต้องขายกิจการภายในเดือนมกราคมนี้ ตามรายงานจาก วอลล์สตรีท เจอร์นัล
แอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียยอดนิยม TikTok ที่กำลังเผชิญความเสี่ยงถูกแบนในสหรัฐอเมริกาช่วงต้นปี 2025 อาจได้เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
TikTok และ ByteDance บริษัทแม่สัญชาติจีน ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ เพื่อคัดค้านกฎหมายที่อาจนำไปสู่การแบนแอปพลิคเชันยอดนิยมในสหรัฐอเมริกา โดยอ้างว่าเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก
เรื่องใหญ่… วันนี้ The Verge ได้รายงานว่าตอนนี้ พนักงานและเจ้าหน้าที่เมืองนิวยอร์กได้ถูกสั่งห้ามใช้งานแอปพลิเคชันย TikTok ทั้งหมด
