เสียวหมี่เปิดตัวระบบนิเวศอัจฉริยะ หรือ สมาร์ทอีโคซิสเต็ม “Human x Car x Home” สู่ตลาดโลกที่งาน MWC Barcelona 2024 ซึ่งสร้างนิยามใหม่ของการผสานของเทคโนโลยี โดย Xiaomi SU7 ที่ทำหน้าที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของระบบนิเวศอัจฉริยะ “Human x Car x Home” ได้เปิดตัวบนเวทีระดับนานาชาติ โดยนำเสนอภาพรวมวิสัยทัศน์ในการบุกเบิกของเสียวหมี่ไปสู่อนาคตอัจฉริยะ ที่ทุกความต้องการของผู้ใช้ได้รับการตอบสนองอย่างดีเยี่ยมภายในระบบนิเวศอัจฉริยะเพียงแห่งเดียว มร. แดเนียล เดสจาลาส (Daniel Desjarlais) ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของเสียวหมี่ อินเตอร์เนชันแนล กล่าวว่า“ที่เสียวหมี่ เทคโนโลยีถูกมุ่งเน้นไปที่ผู้ใช้งานเสมอ นวัตกรรมของเราได้รับการออกแบบมาโดยคำนึงถึงความต้องการของผู้ใช้เป็นอันดับแรก “Human x Car x Home” นั้นสะท้อนถึงหลักการนี้ ซึ่งเป็นความมุ่งมั่นของเราในการมอบประสบการณ์การเชื่อมต่อที่ครอบคลุมและดียิ่งขึ้น ด้วยการผสาน มนุษย์ รถยนต์ และบ้านเข้าด้วยกัน เรามุ่งมั่นที่จะสร้างการเชื่อมต่อระหว่างกันแบบ end-to-end ให้เหนือกว่าสิ่งที่มีอยู่ในปัจจุบัน เราขอชวนผู้เข้าร่วมงาน MWC ทุกคนให้มาร่วมชมในวิสัยทัศน์ของเสียวหมี่ที่เปลี่ยนแนวคิดแห่งอนาคตให้กลายเป็นความเป็นจริงโดยเปลี่ยนวิธีที่เราเชื่อมต่อกัน” นอกจากนี้ยังมาพร้อม Xiaomi 14 Series และ Xiaomi Pad 6S Pro 12.4 ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ พร้อมด้วยอุปกรณ์ AIoT มากมายที่จะช่วยยกระดับประสบการณ์การใช้ชีวิตอัจฉริยะเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีโซน Xiaomi Imagery Technology ที่นำเสนอการบูรณาการเทคโนโลยีเลนส์อันล้ำสมัยของ Leica ลงบนสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ ขณะเดียวกันก็มี CyberDog 2 ที่นำมาจัดแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้ามากมายของเสียวหมี่ให้กับผู้มาเยี่ยมชมด้วยเช่นกัน ความก้าวหน้าของการเชื่อมต่ออันครอบคลุม การเปลี่ยนผ่านของเสียวหมี่จาก “Smartphone x AIoT” ไปสู่ระบบนิเวศอัจฉริยะ “Human x Car x Home” ผสมผสานเอาอุปกรณ์ส่วนบุคคล ผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฮม และรถยนต์เข้าด้วยกันได้อย่างราบรื่น สิ่งนี้ช่วยให้คุณสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ได้อย่างไร้กังวล ประสานงานแบบเรียลไทม์ ขับเคลื่อนความก้าวหน้า รวมไปถึงการร่วมมือกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมอีกด้วย ระบบนิเวศอัจฉริยะนั้นถูกออกแบบมาด้วยวิสัยทัศน์ที่ปรับให้เข้ากับความต้องการ โดยได้รับการออกแบบให้ปรับให้เข้ากับความต้องการของคุณทั้งในปัจจุบันและอนาคตได้อย่างไร้รอยต่อ Xiaomi HyperOS เป็นมากกว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีแบบโอเพ่นซอร์ส (open-source) โดยมาพร้อมนวัตกรรมระดับระบบที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมการทำงานร่วมกันข้ามอุปกรณ์อย่างไร้ขีดจำกัด และรับประกันการดำเนินงานที่สอดคล้องกันทั่วทั้งแพลตฟอร์มชีวิตอัจฉริยะแบบบูรณาการของเสียวหมี่ ทั้งนี้รากฐานของระบบนิเวศอัจฉริยะ “Human x Car x Home” ได้ทำการรวมเอาผลิตภัณฑ์กว่า 200 หมวดหมู่ที่รวมอุปกรณ์มากกว่า 600 ล้านเครื่องทั่วโลกและครอบคลุมสถานการณ์ต่างๆ ของผู้ใช้งานมากกว่า 95%1 เข้าไว้ด้วยกัน ทั้งนี้การร่วมมือกับพันธมิตร นักพัฒนา และผู้ผลิตทั่วโลก Xiaomi HyperOS จะช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับระบบนิเวศในการปลดล็อกและใช้ประโยชน์จากความเป็นไปได้ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ผลิตภัณฑ์แรกของ Xiaomi EV คือ Xiaomi SU7 ซึ่งถูกจัดให้อยู่ในระดับ “ซีดานของเทคโนโลยีเชิงนิเวศประสิทธิภาพสูงเต็มขนาด” (full-size high-performance eco-technology sedan) ที่ขยายขอบเขตในด้านประสิทธิภาพ บูรณาการระบบนิเวศ และพื้นที่อัจฉริยะบนมือถือ นอกเหนือจาก Xiaomi SU7 แล้ว เสียวหมี่ยังได้พัฒนาเทคโนโลยี EV หลัก 5 รายการ ได้แก่ E-Motor, CTB Integrated Battery, Xiaomi Die-Casting, Xiaomi Pilot Autonomous Driving และ Smart Cabin ด้วยการลงทุนมหาศาลกว่า 1 หมื่นล้านหยวนในการวิจัยและพัฒนา และทีมงานระดับโลกที่ประกอบด้วยวิศวกรมากกว่า 3,400 คน และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคกว่า 1,000 คนในด้านต่างๆ จึงทำให้เสียวหมี่เป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่โดดเด่น ร่วมสำรวจความเชี่ยวชาญด้านการถ่ายภาพบนมือถือ เสียวหมี่เชื่อมั่นในนวัตกรรมที่ยึดมนุษย์เป็นศูนย์กลาง โดยมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์การถ่ายภาพบนมือถือที่ดีและใช้งานง่ายมากยิ่งขึ้นให้กับผู้ใช้งาน ในขณะเดียวกันก็ขับเคลื่อนการพัฒนาด้านการถ่ายภาพบนมือถืออย่างต่อเนื่อง ด้วยความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ Leica เสียวหมี่ได้ค้นหาหัวใจหลักของการถ่ายภาพและขยายขอบเขตของการถ่ายภาพระดับมืออาชีพ ในส่วนของ Xiaomi Imagery Technology นั้น Xiaomi 12S Ultra ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนเครื่องแรกที่พัฒนาร่วมกันโดยทั้งสองบริษัทนั้นก็ได้จัดแสดงควบคู่ไปกับสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นอื่นๆ ด้วย ความร่วมมือระหว่างเสียวหมี่…